Flavorful ไอศกรีมทางเลือกที่คนเป็นเบาหวานก็กินได้

เราต่างรู้กันดีว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ และการเปลี่ยนก่อนป่วยย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่ารอให้ป่วยแล้วค่อยเปลี่ยนแต่วันนี้เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับเรื่องราวของความเจ็บป่วยที่กลายเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตของนิวสิริกัญญา วัย 37 ปี และโอ๊คสันติสุข กาญจนประกร วัย 48 ปี ที่เปลี่ยนความเจ็บป่วยให้เป็นโอกาสของชีวิตทั้งในแง่ของการหันกลับมาดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างจริงจัง และต่อยอดสร้างธุรกิจร้านไอศกรีมทางเลือกสำหรับคนที่รักและอยากดูแลสุขภาพ แต่ก็ยังไม่อยากให้ชีวิตขาดความหวาน

Flavorful ไอศกรีมทางเลือกที่คนเป็นเบาหวานก็กินได้

Flavorful’ เป็นร้านไอศกรีมโฮมเมดสูตรพิเศษ ไม่ผสมน้ำตาลทราย ที่ทำด้วยหัวใจและความรัก เพราะอยากให้ทุกคนกินได้กินไอศกรีมอร่อย ๆ ได้อย่างมีความสุขเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยเบาหวานหรือคนที่มีความจำเป็นต้องงดน้ำตาลเพื่อดูแลสุขภาพของตัวเอง

ถึงแม้ว่าไอศกรีมที่นี่จะไม่ได้เติมน้ำตาลทราย แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของไอศกรีมไว้ให้เหมือนเดิมมากที่สุด ทั้งเนื้อสัมผัส กลิ่น และรสชาติ ชนิดที่ว่าถ้าไม่บอกว่านี่เป็นไอศกรีมทางเลือกของคนรักสุขภาพ หลายคนอาจไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังกินไอศกรีมที่ไม่ใส่น้ำตาลอยู่

ความป่วยที่เป็นจุดเปลี่ยน 

“ผมมีอาการป่วยมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย หมอบอกว่าเป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง คือ อวัยวะอะไรที่ควบคุมโดยระบบประสาทจะได้รับผลกระทบหมดเลย เช่น ตามัว แขนขาอ่อนแรง บางครั้งก็ชาจนปวด แรก ๆ เราก็ยังงง ๆ อยู่ว่ามันคือโรคอะไร แต่พอมีอาการบ่อย ๆ เข้า ก็เริ่มรู้สึกว่ามันกระทบกับการใช้ชีวิตเรามาก

“เราใช้ชีวิตอยู่บนความวิตกกังวลทุกวันว่ามันจะกลับมาหาเราเมื่อไร เพราะมันเป็นโรคที่ไม่มีสัญญาณเตือน อยู่ ๆ นึกจะเป็นก็เป็นขึ้นมาเลย ทุกวันนี้ผมก็ฉีดยากดภูมิไว้ พยายามออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ ทำให้ร่างกายแข็งแรงที่สุด”

Flavorful ไอศกรีมทางเลือกที่คนเป็นเบาหวานก็กินได้

“โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง เป็นโรคที่ต้องให้สเตียรอยด์ทางเส้นเลือด ซึ่งมันส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้เขาป่วยเป็นโรคเบาหวาน แต่ปกติเขาจะชอบกินขนม กินไอศกรีมมาก พอเรารู้ว่าเขาเป็นเบาหวาน เราก็เลยพยายามหาไอศกรีมที่ไม่ใส่น้ำตาลให้เขากิน ก็ไปเจอไอศกรีมในร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นสูตรของคุณหมอ แต่พอไปลองแล้วเรารู้สึกว่าไอศกรีมแบบนั้นมันคลีนเกินไป เราก็เลยคิดว่าอยากเป็นคนทำไอศกรีมให้เขากินเอง

“ตอนนั้นเราทำต้นฉบับหนังสืออยู่บ้านอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้ทำอยู่ตลอด ก็เลยคิดว่าอยากหาอาชีพอีกสักอย่างที่ทำที่บ้านได้ เลยเลยตัดสินใจไปเรียนทำไอศกรีมเจลาโตของอิตาลี เพราะเป็นสูตรไขมันต่ำ มีแนวโน้มจะพัฒนาให้เป็นไอศกรีมในแบบที่เราต้องการได้” นิวเล่าย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของความตั้งใจในการทำไอศกรีมสูตรพิเศษ

เพราะไม่อยากให้ชีวิตขาดความหวาน

“ของหวานที่ผมชอบที่สุดคือไอศกรีมกับช็อกโกแลต เวลาเราเครียดหรือจิตตก มันจะเป็นสิ่งที่เราพุ่งไปหาทันที เวลากินไอศกรีมก็จะกินเยอะ กินเป็นถ้วยใหญ่ทีละหลาย ๆ ลูก แต่พอป่วย ต้องงดน้ำตาล ก็ต้องหยุดกินไปเลย ส่วนช็อกโกแลตแบบชูการ์ฟรีมันยังพอหาได้ แต่ไอศกรีมตอนนั้นไปหากันอยู่นานก็ไม่เจอ

“เราไปตระเวนชิมกันตามร้านต่าง ๆ ไปไหนก็ไปถามเขาว่ามีไอศกรีมชูการ์ฟรีไหม เขาก็บอกว่าไม่มี หรือถ้ามีก็จะเป็นรสผลไม้ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไร ตอนที่นิวบอกว่าจะไปเรียนทำไอศกรีมผมก็ดีใจนะ รอกินเลย”

นิวเล่าต่อว่า “ตอนไปเรียนทำไอศกรีมเราเลือกคอร์สที่สอนไปจนถึงหลักของวิทยาศาสตร์เลย แต่มันก็เป็นแค่สูตรการทำไอศกรีมทั่วไป ไม่ได้ลงลึกในเรื่องความหวานทางเลือก โชคดีที่เรามีเพื่อนที่เรียนจบมาทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร ก็เลยไปปรึกษาเขา ส่งข้อมูลสูตรทั้งหมดที่เราลองทำให้เขาช่วยดูให้

“ช่วงที่เราลองผิด ลองถูกในการทำ มันก็มีจุดที่ท้อจนอยากจะเลิกนะ เพราะทำเท่าไรเนื้อสัมผัสของไอศกรีมก็แข็ง ไม่นุ่มนวลสักที แล้วคุณโอ๊คเขาก็ไม่ยอมให้มันผ่านไปง่าย ๆ ซึ่งเราก็ต้องเชื่อเขา เพราะเขาคือคนที่รักการกินไอศกรีม เขารู้จักไอศกรีมดีกว่าเรา”

โอ๊คเล่าเสริมว่า “เราเป็นคนรักไอศกรีม พอมันได้เริ่มก้าวเข้ามาทำแล้ว เราก็อยากให้มันไปต่อให้ได้ เวลาที่เขาท้อ เราก็ปลอบใจ การใส่สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลในไอศกรีม มันไม่สามารถใส่ลงไปตัวเดียวแล้วทำให้เนื้อไอศกรีมนุ่มนวลได้ มันต้องใช้สารหลาย ๆ ตัวประกอบกัน ซึ่งกว่าเราจะเจอส่วนผสมที่มันลงตัว มันก็ไม่ง่าย ต้องใช้เวลาอยู่ 2-3 ปี ในการหาส่วนผสมและปริมาณที่ลงตัว เพื่อให้มันได้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่ดี ใกล้เคียงไอศกรีมแบบปกติให้มากที่สุด แต่ทุกอย่างนิวเขาเป็นคนทำเองทั้งหมดเลย เขาต้องศึกษาเยอะมาก ส่วนผมจะเป็นหน่วยชิมมากกว่า”

Flavorful ไอศกรีมทางเลือกที่คนเป็นเบาหวานก็กินได้

นิวเล่าต่อว่า “เราทำงานเป็นทีม เขาจะเป็นคนช่วยชิม และช่วยทำอาร์ตเวิร์ก เล่าเรื่องไอศกรีม ยิงแอด เพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านเพจ ตอนนั้นพอทำเสร็จเราก็ลองกินไอศกรีมของตัวเอง และให้คุณโอ๊คลองกิน แล้วเจาะวัดค่าน้ำตาลในเลือดดู รวมทั้งส่งให้หลาย ๆ คนชิม ทั้งคนรู้จัก ญาติ ๆ และเพื่อนบ้านที่ป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)

“พอทุกคนลองกินแล้ว เขาก็วัดระดับน้ำตาลในเลือดกลับมาให้เราดู ก็พบว่า ค่าน้ำตาลหลังอาหารจะเปลี่ยนแปลงค่อนข้างน้อย ไม่ได้พุ่งขึ้นสูงเหมือนเวลาที่เรากินน้ำตาลเข้าไป เราก็เลยไปขอคำแนะนำจากเพื่อนที่เป็นหมอหลาย ๆ คน ซึ่งเขาก็บอกว่ากินได้”

โอ๊คเล่าย้อนไปถึงความรู้สึกที่ได้กลับมากินไอศกรีมอีกครั้งว่า “ตอนที่นิวทำไอศกรีมที่เป็นของโปรดมาให้ เรามีความสุขมาก รู้สึกดีที่ได้กลับไปกินของที่ตัวเองชอบอีกครั้ง จริง ๆ การที่เราต้องงดน้ำตาล มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกแย่ขนาดนั้น แต่มันเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากทำขนมที่มันไม่มีน้ำตาลให้อร่อยเหมือนขนมที่มีน้ำตาลให้ได้ เพราะต่อให้เราจะไม่ได้กินน้ำตาล แต่เราก็ยังอยากกินอะไรหวาน ๆ อยู่ เพราะมันเป็นสิ่งที่ช่วยคลายความเครียด ความทุกข์ให้เราได้”

Flavorful ไอศกรีมทางเลือกที่คนเป็นเบาหวานก็กินได้

ของกินเพื่อสุขภาพ แต่ต้องอร่อยด้วย 

“เราไม่ได้ทำอะไรมากเป็นพิเศษ นอกจากทำไอศกรีมที่เราขายเหมือนเวลาทำให้คนที่บ้านกินวัตถุดิบที่ใช้ เราก็พยายามเลือกที่เป็นออร์แกนิกเท่าที่เราจะทำได้ เช่น ลูกฟิกซ์ ผัก ข้าวเหนียวดำ อโวคาโด ฯลฯ เราจะสื่อสารผ่านเพจตลอดว่า เราเลือกวัตถุดิบอย่างไร ใช้ปริมาณมากน้อยแค่ไหน บางรสชาติที่มีการใช้ผลไม้น้ำตาลสูง เช่น รสมะม่วง เราก็จะบอกลูกค้าว่าเราไม่ได้ใส่มะม่วงเยอะนะ เราคุมปริมาณไม่ให้กระทบกับระดับน้ำตาลที่มันจะอยู่ในไอศกรีมด้วย แต่เรายังเน้นเรื่องความอร่อยเหมือนเดิม แค่จะเน้นที่รสชาติของโยเกิร์ตมากกว่า

“ตอนแรกเราเปิดตัวมา 14 รส จนทุกวันนี้มีประมาณ 40 กว่ารสแล้ว รสที่ขายดีจะเป็น ดาร์กช็อกโกแลต มอคคาอัลมอนด์, คอฟฟีคาราเมล, ซอลต์คาราเมลช็อกฟัดจ์, แอปเปิลแครนเบอร์รี, กระท้อนพริกเกลือ ชีส มิลก์ช็อกแครนเบอร์รี หลายรสที่ทำเพิ่มก็มาจากเสียงเรียกร้องของลูกค้าประจำ เวลาที่เราทำรสชาติใหม่ เราจะชิมค่อนข้างเยอะ เพราะบางรสมันก็ไม่ได้อร่อยตั้งแต่ทำครั้งแรก แต่มีไอศกรีมอยู่รสหนึ่งที่ชอบและภูมิใจมากที่คิดขึ้นมาได้ อยากให้ทุกคนได้ลองชิม คือ ขึ้นฉ่าย มินต์ แอปเปิลเขียว

“เราเองก็เป็นคนที่ไม่ได้ชอบกินขึ้นฉ่าย แต่ตอนที่ลองทำ เพราะตอนนั้นพ่อแม่เราเป็นโรคความดันโลหิตสูง คุณโอ๊คก็ป่วย เราก็เลยอยากให้เขากินผักที่ช่วยลดความดัน ก็เลยลองเอาไปผสมกับนม กับแอปเปิลเขียว ทำเสร็จเติมกลิ่นมินต์ไปนิดหน่อย ปรากฏว่ามันอร่อย ขนาดเราไม่ได้ชอบขึ้นฉ่ายก็ยังกินได้ ก็เลยคิดว่ามันขายได้แน่นอน พอเอามาขาย ลูกค้าก็ชอบเยอะเหมือนกัน บางคนได้ลองกินถ้วยเล็กแล้ว กลับมาซื้อไปอีกเป็นโหลก็มี”

Flavorful ไอศกรีมทางเลือกที่คนเป็นเบาหวานก็กินได้

จากทำขายสู่การตัดสินใจเปิดสอน 

“ที่เราเปิดสอน ส่วนหนึ่งเพราะเราอยากให้ทุกคนกลับไปทำไอติมกินเองได้ เราไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เราแค่ถ่ายทอดประสบการณ์ที่เราทำมากกว่า เวลานักเรียนมาเรียนกับ เราจะให้เขาชิมสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลเยอะมาก บางอย่างที่เราใส่ แต่บางคนไม่ชอบรสชาติ หรือไม่สบายใจกับความหวานตัวนี้ เขาก็เลือกที่จะไม่ใส่ได้ ปรับสูตรได้เลยตามความเหมาะสม

“เวลากลับไปทำเอง ผลมันอาจจะออกมาไม่เหมือนตอนที่ทำในคลาสเรียนเป๊ะ ๆ แต่การที่เขาได้ทำไอศกรีมกินเอง มีกิจกรรมทำร่วมกันในครอบครัว ทุกคนในบ้านแฮปปี้ นั่นคือสิ่งที่เราต้องการมากกว่า

“นักเรียนที่มาเรียนทำไอศกรีมกับเรา กลุ่มหนึ่งก็จะเป็นลูกค้าที่เคยกินไอศกรีมอยู่แล้ว และอยากลองทำดูบ้าง บางครั้งก็เป็นกลุ่มคนวัยเกษียณ ที่มองหางานอดิเรกหรืออาชีพใหม่ ๆ บางคนก็มีร้านไอศกรีมของตัวเองอยู่แล้ว และอยากเรียนเพื่อไปต่อยอดทำไอศกรีมที่ร้าน หรือบางคนก็มีสวนผลไม้แล้วคิดว่าอยากเอาผลผลิตส่วนเกินมาแปรรูป บางคนมาเรียนแล้ว ก็ให้เราพาไปซื้อเครื่องทำไอศกรีมเลย

“อีกเหตุผลหนึ่งที่เราเปิดสอน เพราะหลายคนบอกว่าไอศกรีมเราแพง เราก็เลยอยากให้คนรู้ว่าเราใส่อะไรลงไปบ้าง จริง ๆ มันก็เจ็บปวดเหมือนกันนะที่พอบอกว่าเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพแล้วทุกคนจะมีภาพจำว่ามันต้องแพง เราไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ในอนาคตเราตั้งใจว่าเราจะปรับสูตรไอศกรีมให้มันสามารถขายได้ในราคาที่ถูกลง อาจจะไม่ได้ใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลทั้งหมด แต่อาจจะปรับเป็นสูตรลดน้ำตาลลง เพื่อทำให้คนได้กินไอศกรีมของเรามากขึ้น”

Flavorful ไอศกรีมทางเลือกที่คนเป็นเบาหวานก็กินได้

ความสุขที่ไม่มีวันละลาย

“ตอนแรกเราไม่ได้คิดเลยว่าจะเปิดหน้าร้าน เราคิดว่าจะขายผ่านช่องทางออนไลน์ไปเรื่อย ๆ เพราะการทำเป็นธุรกิจจริงจัง มีหน้าร้าน มันก็มีค่าใช้จ่าย ต้นทุนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมา บางครั้งมันก็ทำให้เราเหนื่อย เราเครียด แต่หลายครั้งฟีดแบ็กจากลูกค้ามันก็ทำให้เรามีกำลังใจ และชื่นใจว่าสิ่งที่เราทำอยู่ มันไม่ได้ดูแลแค่คนในครอบครัวเรานะ เพราะหลายคนเขาก็มีความสุขที่ได้กินไอศกรีมของเรา

“ทุกวันนี้ร้านเราเดินทางมาครบ 5 ปีแล้ว ถือว่ามาไกลมาก ๆ หลายอย่างที่มันเกิดขึ้นอาจเรียกได้ว่ามันเป็นความมหัศจรรย์เลยก็ได้ โอกาสหลาย ๆ อย่างที่เข้ามาทั้งการได้ไปออกงานอีเวนต์ การได้เจอลูกค้าที่มานั่งกินไอศกรีม หรือการได้สอน ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ ในหลาย ๆ แวดวงนอกจากไอศกรีม เรายังทำขนมไม่ผสมน้ำตาล และรับคิดผลิตภัณฑ์สุขภาพตามโจทย์ของลูกค้าด้วย

“ถึงแม้คอนเซ็ปต์ของเราคือการทำไอศกรีมให้ทุกคนกินได้ แต่ก็ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะคนที่มีความจำเป็นต้องคุมน้ำตาล ถ้าชอบกินมาก ๆ เราคิดว่ากินวันละ 2 สกู๊ป น่าจะกำลังพอดี เวลาลูกค้าทักมาสั่งไอศกรีม เราจะคุยกับเขา บางคนเรารู้อยู่แล้วว่าเขาป่วย เขาต้องไปหาหมอ เราก็จะถามว่าผลเลือดเป็นอย่างไรบ้าง พอเขาบอกว่าทุกอย่างปกติดี แข็งแรงดี เราก็สบายใจและมันก็ทำให้เราสึกว่าสิ่งที่เราทำมันมาถูกทางแล้ว เพราะลูกค้าได้กินของอร่อยโดยที่สุขภาพก็ไม่ได้แย่ลง

บางคนก็บอกเราว่าขอบคุณที่เราทำสิ่งนี้ขึ้นมา ลูกค้าบางคนที่เขาเป็นเบาหวานแล้วต้องหยุดกินไอศกรีมไปเลย พอมาเจอไอศกรีมของเรา เขาก็ได้กลับมากินไอศกรีมอีกครั้ง บางทีลูกค้าก็จะส่งรูปมาให้ดู ว่าเพิ่งได้รับไอศกรีมเมื่อกี้ แต่กินหมดไปครึ่งกระปุกแล้ว หรือลูกค้าบางคนพาคุณพ่อที่อายุมากแล้วมากินไอศกรีมที่ร้าน คุณตาก็บอกว่าอยากจะนั่งอยู่อย่างนี้ทั้งวัน และจะกินให้หมดร้านเลย สิ่งเหล่านี้มันทำให้เรามีความสุข เราดีใจที่เห็นลูกค้ายิ้มได้ และมันเป็นสิ่งที่มีความหมายมากกว่ารายได้ที่เราได้รับกลับมาด้วยซ้ำ

Credits

Authors

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ