“สมบูรณ์เกษา” ร้านตัดผมคู่เมืองหาดใหญ่ที่ครองใจลูกค้ามากว่า 70 ปี

“กาม้อ กาม้อ” เสียงทักทายภาษาจีนแต้จิ๋วของ โกหล่าย ภานุพงศ์ บำรุงพงศ์สวัสดิ์ วัย 60 ปี ทายาทรุ่นที่ 2 แห่ง “สมบูรณ์เกษา” ร้านตัดผมเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองหาดใหญ่มากว่า 74 ปี ที่เอ่ยเชิญชวนลูกค้าชาวต่างชาติเข้าร้านด้วยความคุ้นเคยและคล่องแคล่ว   

“สมบูรณ์เกษา” เป็นร้านตัดผมสุภาพบุรุษ หรือที่คนมักจะเรียกติดปากกันว่า “บาร์เบอร์” เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2493 โดยคุณพ่อสุพจน์ บำรุงพงศ์สวัสดิ์ ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของ “โกหล่าย” ลูกชายคนโตที่เข้ามาดูแลรับช่วงกิจการต่อเพราะไม่อยากให้ร้านตัดผมที่เป็นเหมือนชีวิตของพ่อต้องปิดกิจการไป 

แม้อุปกรณ์ที่ใช้อาจเปลี่ยนไปบ้างตามยุคสมัย ช่างตัดผมจะเปลี่ยนไปแล้วหลายรุ่น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือมาตรฐานการให้บริการในแบบสมบูรณ์เกษาที่ลูกค้าทุกคนจะได้รับในแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ ชาวไทยหรือชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีมนต์เสน่ห์ของบรรยากาศยุคเก่าในร้าน และเสียงเพลงลูกทุ่งคลาสสิกที่เปิดรอต้อนรับลูกค้าที่แวะมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ ทำให้ทุกครั้งที่ใครหลายคนมาที่นี่ก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปวัยหนุ่มอีกครั้ง

ร้านที่เห็นมาตั้งแต่เกิด 

“พ่อเขาทำอาชีพมาเยอะ ทำมาเป็น 10 อาชีพ ทั้งช่างซ่อมนาฬิกา ร้านทอง เบลบอย เขามีเชื้อสายจีน คุยกับคนจีนได้ บวกกับพอดีได้ที่ทำเลดี ก็เลยอยากเปิดร้านตัดผม

 “ผมจบสถาปัตย์ฯ ไปทำงานอยู่กรุงเทพประมาณ 4-5 ปี พออยู่ไปนาน ๆ แม่เขากลัวผมไม่กลับบ้าน แม่เลยขอให้กลับ พอแม่บอก ผมก็กลับมาเลย 

“ช่วงแรกที่กลับมา ผมก็รับงานสถาปนิก งานออกแบบ แต่พอพ่ออายุมากขึ้น ผมก็เลยมาดูแลพ่อกับแม่ แล้วเข้ามาช่วยงานที่ร้านตั้งแต่ตอนนั้น

“ตอนอยู่มัธยมพ่อเคยสอนตัดผมให้ ตอนนั้นเราเห็นพ่อตัดก็อยากตัดบ้าง แต่พอลองแล้วไม่ค่อยชอบ ก็เลยไปทำอย่างอื่น

“สมัยพ่อเปิดร้านใหม่ ๆ ร้านยังเป็นร้านพัดลม เวลาจะสระผมก็ต้องต้มน้ำร้อนผสมน้ำด้วยมือ แล้วใช้สายยางต่อท่อลงมา ตอนนั้นฝักบัวก็ยังไม่มี ปัตตาเลียนก็เป็นปัตตาเลียนมือ ไดร์เป่าผมก็ยังเป็นสแตนเลสหนัก ๆ เวลาทำบัญชีร้านก็ยังใช้กระดานชนวนอยู่เลย  

“พ่อเขาเปิดร้านตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง เคยมีลูกค้ามากที่สุดวันหนึ่งประมาณ 70 คน แต่เดี๋ยวนี้ช่างน้อยลง ใช้เวลาในการตัดมากขึ้น บวกกับกลุ่มลูกค้าเก่า ๆ หายหน้าหายตา หรือเสียชีวิตไป ทุกวันนี้น่าจะตัดได้เฉลี่ยมากที่สุดประมาณ 20 หัวต่อวัน ถึงแม้ว่าลูกค้าจะเข้ามาตัดผมน้อยลง แต่ร้านก็มีรายได้จากลูกค้าที่มาใช้บริการอย่างอื่นแทน เช่น โกนหนวด แคะหู ล้างตา ฯลฯ ถ้าลูกค้ามาตัดผม เราจะมีบริการโกนหนวดแถมให้ด้วย แต่เราก็จะถามลูกค้าก่อนทุกครั้งว่าเขาอยากโกนไหม

“ทุกวันนี้ที่ร้านมีช่างผู้หญิงด้วย มาช่วยดูแลเรื่องทำผม ทำเล็บ แต่งานเราไม่ถึงขนาดซาลอน แค่ให้บริการพื้นฐาน ตัดผม สระผม เคลียร์หน้าเล็บ เราเลยสามารถรับลูกค้าผู้หญิงได้ด้วย แต่ถ้าดูจากหน้าร้านคนก็จะคิดว่าเป็นร้านตัดผมผู้ชายอยู่ดี”

มากกว่าร้านตัดผม แต่เป็นสังคมของคนรุ่นใหญ่

“ลูกค้าที่ร้านมีทุกวัยตั้งแต่เด็กก่อนวัยเรียนไปจนถึงวัยเกษียณ ที่นี่เด็กจะตัดผมถูกราคาถูกกว่าผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่ง แต่ลูกค้าต่างชาติกับลูกค้าชาวไทยเราคิดราคาเท่ากัน เมื่อก่อนเคยมีเด็กเล็กมาโกนผมไฟด้วย ซึ่งไม่ใช่งานที่ใครก็ทำได้ ต้องใช้ช่างที่มีอายุและความชำนาญ เพราะต้องใช้ความระมัดระวังมาก ไม่ให้เด็กโดนมีดบาดศีรษะ ช่างเด็ก ๆ ไม่ได้ตัดหรอก แต่เดี๋ยวนี้ความเชื่อนี้ก็น้อยลง ไม่ค่อยมีแล้ว บางคนเขาก็มาตัดผม โกนผมเพื่อต่อดวงชะตา เราก็ทำให้ ตัดเสร็จก็ต้องระวังไม่ให้เส้นผมเขาไปรวมกับของคนอื่น 

“กลุ่มข้าราชการที่เกษียณไปแล้ว ถ้าเขาไม่ได้ไปไหน เขาก็จะมาร้านตัดผม มันเหมือนเป็นที่ที่เขามาพักผ่อน มานั่งคุย เวลามีข้าราชการจากที่อื่นมาดูงานที่หาดใหญ่ แล้วหาร้านตัดผม เขาก็จะแนะนำกันให้มาที่นี่”

ช่างเก่ามากฝีมือแบบสมบูรณ์เกษา

“เวลามีช่างมาใหม่ เราจะเทรนเรื่องแคะหู ล้างตาให้ เพราะที่อื่นเขาไม่ทำกัน บางร้านเขาแค่ตัด สระ ไม่มีบริการเสริมแบบนี้

“ร้านตัดผมส่วนใหญ่ เขาใช้ฟันรองในการตัดกันหมดเเล้ว แต่คนรุ่นเก่า ๆ เขายังติดการตัดผมแบบเดิมอยู่ ซึ่งช่างบางคนทำไม่ได้ เพราะมือไม่นิ่ง และไม่ชำนาญพอ 

“ปัตตาเลี่ยนสมัยนี้จะมีเบอร์ฟันรองช่วยกะความยาวของเส้นผม แต่ช่างสมัยก่อนจะไม่มีตัวช่วยพวกนี้ เขาจะตัดด้วยหวีเล็กกับหวีใหญ่เป็นตัวกำหนดความยาวเส้นผมที่จะตัด แล้วใช้ปัตตาเลี่ยนไถตาม ไม่มีตัวรอง การตัดผมด้วยหวีเล็ก หวีใหญ่ ถ้าเราตั้งระดับไม่ได้ เส้นผมที่ออกมาก็จะไม่เนียน 

“จริง ๆ การใช้ฟันรองช่วยตัดผม ถ้าทรงของศีรษะสวย ก็จะไม่มีปัญหา แต่คนที่ศีรษะไม่สวย ศีรษะเบี้ยวเวลาใช้ฟันรองตัดมันก็จะออกมาตามรูปทรงของศีรษะเลย ซึ่งถ้าตัดด้วยหวี ช่างจะใช้ฝีมือช่วยบังคับทรงได้”

นอกจากบรรยากาศของร้านที่ดูคลาสสิกชวนรำลึกความหลัง และเทคนิคการตัดแบบดั้งเดิมที่ต้องอาศัยความละเอียดและความใส่ใจของช่าง ไฮไลต์ของสมบูรณ์เกษา คือ การทำทุกอย่างบนเก้าอี้ตัวเดียว ไม่ว่าจะตัดผม สระผม โกนหนวด หรือนวดหน้า กระบวนการทุกอย่างก็จบได้ด้วยเก้าอี้ตัวเดียวโดยที่ลูกค้าไม่ต้องลุกไปไหน

ความหวังสุดท้ายคือการเห็นร้านอยู่ต่อไปได้ แม้ในวันที่เราไม่อยู่แล้ว

“อาชีพช่างตัดผมจะว่าหนักก็หนัก ไม่หนักก็ไม่หนัก ช่วงมีลูกค้า ลูกค้าก็จะเข้าติด ๆ กัน แต่ช่วงว่างก็จะว่างไปเลย ร้านตัดผมใหม่ ๆ เขาจะเปิดสาย ปิดดึก บางร้านปิดห้าทุ่ม เที่ยงคืน

“ทุกวันนี้ผมดูร้านคนเดียว เเทบไม่มีเวลาว่าง เพราะเปิดร้านทุกวันไม่ได้หยุด ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึงทุ่มครึ่ง ลูกค้าเก่าเขามากันแต่เช้า บางคนมาตั้งแต่ 6 โมงก็มี บางทีก็มีลูกค้ามาเลเซียขับรถมาจากอลอร์ สตาร์ เมืองที่มีชายแดนติดกับประเทศไทยทางฝั่งด่านนอก อ.สะเดา เขามาแวะกินข้าว ตัดผมแล้วก็กลับ เขาตัดมาตั้งแต่สมัยที่พ่อยังอยู่ เมื่อก่อนเขาขับรถมาเอง เเต่เดี๋ยวนี้เขาอายุ 80 กว่าแล้ว ลูกเขาเลยต้องขับมาให้ เคยมีครั้งหนึ่งที่เขาอยากตัดผม แต่ลูกเขาไม่ยอมพามา เขาก็เลยขับรถมาเอง แล้วเกิดอุบัติเหตุ ตั้งแต่นั้นมาลูกเขาก็เลยต้องขับรถพาพ่อเขามาตลอด

“ผมตัดผมไม่ได้ แต่งานอย่างอื่นผมทำเป็นหมด เวลาช่างยุ่ง ๆ ติดลูกค้า ผมก็จะช่วยเก็บรายละเอียดงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ ผมเป็นคนช่างสังเกต ผมรู้ว่าถ้าช่างทำแบบนี้แล้วจะมีผลอะไรตามมา ผมจะบอกช่างตลอดว่า ถ้าคุณมีความคิดหรือข้อเสนออะไรบอกผมได้เลย ผมยินดีรับฟัง แต่สมัยพ่อ เขาไม่คุยนะ เขาปล่อยให้ช่างทำไปเลย ทำไม่ได้เขาก็ให้ออก

“ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม มันก็เหนื่อยนะ แต่ผมอยากให้ร้านอยู่ต่อได้ แต่การดูแลร้านก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ร้านเราเป็นร้านตัดผมเก่าแก่ร้านสุดท้ายในหาดใหญ่แล้วที่ยังบริหารกิจการ ดูแลสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ได้เปลี่ยนเจ้าของ 

“ผมไม่มีทายาท น้องชายก็เสียไปแล้ว ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้หลาน แต่เขาอยากไปทำงานตามที่เขาเรียนมามากกว่า บางครั้งผมคิดว่าอาจจะให้ช่างที่ทำงานอยู่ด้วยกัน ที่เราดูแล้วว่าเขาจะพาร้านไปรอด เพราะการดูแลร้านมันไม่ใช่แค่ตัดผมเป็นแล้วจะทำได้ มันต้องมีทักษะเรื่องอื่น ๆ ด้วย

“โชคชะตาคงขีดมาแล้วให้เราต้องกลับมาอยู่แบบนี้ ตอนแรกก็ไม่คิดหรอกว่าจะได้กลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว ถ้าถามว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้คุ้มไหม บอกเลยว่าไม่คุ้ม แต่เราคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ เพื่อดูแลคนอีกรุ่นที่เขาฝากความหวังไว้กับเรา 

“เคยคิดจะวางมือนะ แต่ถ้าวางแล้วก็ไม่อยากให้เกิดปัญหา เราถูกสอนให้มีความรับผิดชอบมาตั้งแต่เด็ก เพื่อน ๆ รุ่นผม เขาก็อยู่บ้านเลี้ยงหลาน ไม่ได้ทำงานกันแล้ว ตั้งแต่มาดูร้าน ผมไม่ได้เที่ยว ไปพักผ่อนมาเป็น 10 ปีแล้ว จริง ๆ เราจะปิดร้านบ้างก็ไม่เป็นไรนะ แต่ช่างเขาก็ต้องทำงาน ต้องหารายได้ ถ้าไม่มีช่างอยู่กับเรา เราก็คงเลิกไปแล้ว เรารู้ดีว่าเขาไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดหรอก เราก็แค่ทำวันนี้ให้ดี ผมเคยคิดเหมือนกันนะว่าถ้าวันไหนเราป่วย เราไม่สบายไป ร้านจะเป็นอย่างไร  

“ผมอยากให้ร้านไปได้ไกลกว่านี้นะ ตอนนี้ผมก็พยายามทำให้ช่างที่เราไว้ใจรู้สึกผูกพันกับร้าน ทำมาประมาณ 4 ปีแล้ว เวลาไปไหว้พ่อที่ฮวงซุ้ย ผมก็จะพาเขาไปด้วยทุกปี ถ้าวันหนึ่งผมทำไม่ไหว ก็อยู่ที่เขาแล้วว่าจะมาดูแลร้านแทนเราได้ไหม ถ้าเขาทำได้ เราก็จะยกให้เขา ซึ่งอันที่จริงคนแบบนี้มันหายาก ถ้าเราทุ่มให้เขาด้วยเงินมันไม่จบ เราต้องทำให้เขารู้สึกว่าร้านนี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา” 

Credits

Authors

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ