คุยกับนักลงทุนอิสระ กิตติพันธุ์ แก้วฟ้านภาดล ที่เชื่อว่าความรู้ทางการเงินช่วยให้ชีวิตก้าวกระโดดได้

“จุดเริ่มต้นความสนใจด้านการเงินการลงทุนของผมเริ่มต้นเมื่อ 15 ปีก่อน ตอนเรียนหนังสืออยู่ต่างประเทศ โดยเริ่มลงทุนจากแบบจำลองในชั้นเรียนก่อนแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง พอลงทุนจริงก็เริ่มต้นจากเงินลงทุนก้อนแรกเพียง 1 พันเหรียญ หรือกว่า 3 หมื่นบาทจนวันนี้สามารถยึดเป็นอาชีพได้”

กิตติพันธุ์ แก้วฟ้านภาดล หรือ “เกื้อ” นักลงทุนอิสระวัย 38 ปี เล่าถึงจุดเริ่มต้นการลงทุน

“สังคมนักศึกษาอเมริกันสนใจเรื่องการเงินการลงทุนมาตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว ในชั้นเรียนมีสอนเรื่องการลงทุนถึงขนาด มีการสร้างแบบจำลองการลงทุนจริงขึ้นมาเพื่อเปิดโอกาสให้ลงทุนเสมือนจริงซึ่งเป็นเรื่องท้าทายมาก แต่ ที่สำคัญกว่านั้นคือทำให้การเงินการลงทุนกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและเป็นค่านิยมใหม่ของคนรุ่นใหม่ในสังคมอเมริกันว่าการลงทุนนำไปสู่การออมเพื่อชีวิตที่มั่นคงได้แต่สำหรับเมืองไทยเรื่องการเงินการลงทุนยังเป็นเรื่องไกลตัว เนื่องจากข้อจำกัดหลายด้านโดยเฉพาะความคิดที่ว่าเป็นเรื่องของคนรวยเท่านั้น และความรู้เรื่องการลงทุนยังถูกทำให้เป็นเรื่องเข้าใจยากแม้จะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญก็ตาม”

ต้องหาความท้าทายให้เจอ

“การจะดึงดูดให้คนทุกวัยสนใจเรื่องการลงทุนนั้นควรสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น เพื่อกระตุ้นความสนใจ อย่างของผมก็คือการได้เข้าไปร่วมเรียนวิชาการลงทุนในหุ้นตอนปิดภาคเรียนฤดูร้อน ซึ่งได้ทดลองเล่นหุ้นผ่านการจำลอง (Simulation)

“ตอนนั้นผมยังเล่นหุ้นไม่เป็นเลยลองผิดลองถูกด้วยการซื้อขายมั่ว ๆ สรุปว่าเจ๊ง เพราะยังไม่ค่อยเข้าใจภาพรวม”

“ไม่ว่าจะเรียนจบทำงานอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องมีความรู้เรื่องการลงทุน ผมเริ่มต้นการลงทุนด้วยเงินเพียง 1 พันเหรียญ หรือกว่า 3 หมื่นบาท จากนั้นก็เริ่มลงทุนในหุ้นด้วยการเก็งกำไรระยะสั้นแบบซื้อมาขายไป ซึ่งพบว่าทำกำไรได้ภายใน 2-3 วัน และด้วยวิธีนี้ทำให้มีเงินเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ จนเรียนจบก็พบว่ามีเงินเก็บก้อนหนึ่งแล้ว”

เมื่อจะเป็นนักลงทุน ต้องแสวงหาความรู้

“ประสบการณ์การลงทุนเพียงเล็กน้อยนั้นไม่เพียงพอ ทำให้ผมต้องเรียนรู้เพิ่มเติมทั้งจากตัวบุคคลรอบตัว และจากตำราที่ตรงกับจริตการลงทุน เมื่อมีความรู้มากพอ ก็ควรเริ่มการเล่นหุ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อลดความเสี่ยง ปกติแล้ว คนเล่นหุ้นมักมีเพื่อนในวงการคอยบอกว่า ได้ข้อมูลดี ๆ จากหุ้นตัวนั้นตัวนี้มา ซึ่งเราต้องทำการบ้าน และประเมินความเสี่ยงก่อน ที่สำคัญคือไม่ควรโลภ เพราะถ้าได้กำไรตามที่เราต้องการก็ควรพอ เนื่องจากโอกาสพังมีเหมือนกัน

“ถ้าจะลงทุนเป็นอาชีพ ต้องการความมั่นคงระยะยาว จำเป็นต้องวางแผนให้ดี สำหรับผมแล้ว ผมเริ่มจากคำนวณรายจ่ายต่อปีให้ได้ก่อน สมมติต่อปีมีรายจ่าย 3 แสนบาท จะต้องทำกำไรให้ได้ 2 เท่า คือ 6 แสนบาทโดยกำไร 3 แสนบาทแรกเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย และกำไรอีก 3 แสนบาทหลังเพื่อเป็นเงินลงทุนเพิ่มในปีต่อไป

“ผมเคยอ่านเรื่องราวของนักลงทุนระดับโลกอย่าง วอเรน บัฟเฟตต์ เขาลงทุนมาตลอด 40-50 ปี แต่ผลตอบแทนเฉลี่ย 15-20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งบางปีอาจทำได้มากหรืออาจน้อยกว่านี้ แต่เฉลี่ยแล้วคือประมาณนี้”

เล่นหุ้นเป็นเรื่องของยุคสมัย

“สำหรับคนรุ่นเบบี้บูม อาจมีค่านิยมว่าการเล่นหุ้นมีความเสี่ยง แต่สำหรับคนรุ่นเจนวายแบบผมจะมองเรื่องนี้ต่างออกไป ผมมองว่าเป็นโอกาสสร้างอาชีพใหม่ และยังเป็นช่องทางออมเงินอย่างดี โดยเฉพาะหากเลือกลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนคงที่ จะช่วยลดความเสี่ยงได้

“ผมคิดว่าคนรุ่นนี้ และคนรุ่นถัดไป ความเข้าใจเรื่องการเงินเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งช่วยให้เรามีชีวิตแบบก้าวกระโดดได้ ถ้าวันหนึ่งผมแต่งงานมีลูก ผมก็อยากแบ่งปันเรื่องนี้ให้กับลูก ถึงประสบการณ์ที่ผมเจอเพื่อให้ลูกมีโอกาสได้เห็นโลกอีกแบบหนึ่ง”

เกื้อ – กิตติพันธุ์ แก้วฟ้านภาดล นักลงทุนอิสระวัย 38 ปี

Credits

Authors

  • นัธพร ศิริรังษี

    Author"มนุษย์โลกสวยที่เคารพความแตกต่างของผู้คน เพราะเชื่อว่านี่คือสีสัน และความหลากหลายในการดำรงชีวิต ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และโลกที่กำลังขับเคลื่อนไปสู่สิ่งใหม่ๆ ซึ่งอาจหมายถึงความท้าทายใหม่ๆ ที่รอเราทุกคนอยู่ด้วย"

  • ชิษณุพงศ์ วงศ์ชูชัยสถิต

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ