เชื่อสิ่งที่ตัวเองพูดตอนอายุ 18 และทำมันตอนอายุ 58 “ดร.ธรณ์ ธํารงนาวาสวัสดิ์” ผู้สื่อสารปัญหาโลกร้อน มาเกือบ 40 ปี

“เชื่อสิ่งที่ตัวเองพูดตอนอายุ 18 และทำมันตอนอายุ 58″

มนุษย์ต่างวัย Talk กับ ประสาน อิงคนันท์ คุยกับ ดร.ธรณ์ ธํารงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรื่อง “ธรณ์ อย่าเงียบ” ภารกิจพูดแทนทะเล ของนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ผู้สื่อสารปัญหาโลกร้อน มาเกือบ 40 ปี ตั้งแต่สมัยที่น้อยคนนักจะรู้จักคำว่า “โลกร้อน” กระทั่งในวันที่ทุกชีวิตบนโลกกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“52 ปีที่แล้วผมกระโดดลงน้ำครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ ที่เกาะเต่า ลงไปเห็นปะการังท่วมไปหมด รู้สึกว่าบ้าไปแล้วเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร เห็นหาดโผล่เป็นแนว เห็นหอยมือเสือขนาดใหญ่ยักษ์ ผมเห็นที่นั่น แต่ปัจจุบันเราหาไม่เจออีกแล้วตอนนั้นผมตัดสินใจแล้วว่าใช่ มันคือชีวิตเรา

“ผมมีบางโมเมนต์เท่านั้นที่เศร้า ผมเคยเห็นปลาโดนระเบิดตายรอบตัวผมมาแล้ว เคยเห็นฉลามโดนตัดครีบดิ้นแด่ว ๆ อยู่ตรงหน้า ผมไม่ได้ใสซื่อเพราะอยู่มานาน แต่ที่เศร้าจริงคือเมื่อวานนี้นี่เอง ผมไปดำน้ำดูปะการังฟอกขาวที่ระยองมา มันตายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันตายจริง ๆ บางตัวตายแล้ว บางตัวกำลังจะตาย… ครั้งนี้เรียกได้ว่า ‘หายโหง’ หมดเลย ก่อนเข้าห้องมาสัมภาษณ์ผมดูกราฟอุณหภูมิน้ำที่ติดไว้วัดได้ 35 องศา บ้าไปแล้วน้ำทะเลอะไรอุณหภูมินี้ มันไม่ใช่อุณหภูมิของน้ำที่จะมีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ได้

“ผมทำงานเป็นผู้ช่วยนักวิจัยให้อาจารย์สุรพล สุดารา มาตั้งแต่สมัยอยู่มหาลัยปี 2 เนื่องจากได้เงินเดือนอาจารย์จึงมีสิทธิบังคับผมเป็นพิเศษ (หัวเราะ) อาจารย์บอกให้ผมไปพูดเรื่อง ‘โลกร้อน’ ในที่ต่าง ๆ ยุคนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย การหาข้อมูลต้องใช้ภาษาอังกฤษล้วน อ่านภาษาอังกฤษแล้วไปพูดให้คนอื่นฟัง ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครรู้จักคำว่าโลกร้อน คนที่มาฟังก็คล้ายว่าเป็นหน้าม้า ตัวผมเองตั้งเป้าหมายว่าผมไม่ได้พูดให้คนมาสนใจ แต่ทำเพื่อให้ตัวเองได้ค้นคว้าข้อมูลและฝึกซ้อมตัวเองไปเรื่อย ๆ… ก่อนที่อาจารย์สุรพลจะเสีย ท่านพูดกับผมหนึ่งประโยคว่า ‘ธรณ์ อย่าเงียบ’ แค่นี้เอง หลังจากนั้นผมไม่ได้เจออาจารย์ไม่กี่วันท่านก็จากไป มันคล้ายว่าท่านมอบหมายให้ผมทำงานด้านนี้มาตั้งแต่ตอนปี 2 แล้ว… การบอกเรื่องราวให้คนอื่นรู้นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดในการต่อสู้กับโลกร้อน

“ผมไม่รู้สึกท้อ มันเป็นนิสัยด้วย อย่างแรกคือผมเป็นคนที่ปักใจ เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงมาก เพราะฉะนั้นเมื่อผมเชื่อตัวเองแล้วจะไม่มีคำว่า ‘ท้อ’ ท้อไม่ได้ ถ้าท้อแล้วเท่ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำมานั้นผิดมาตั้งแต่ต้น ผมไม่มีแม้แต่คิด คือ ถ้าคิดมันผิดกับตัวเอง มันทรยศตัวเอง ผมไม่เคยคิดถึงมันเลย ไม่มีท้อ

“ตอนเรียนเรียนปริญญาเอก ออสเตรเลียจ้างให้ผมทำงานเป็น Project Management ของ Great Barrier Reef Marine Park (แนวปะการังนอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประเทศออสเตรเลีย) ทำเรื่องของ Remote sensing สำรวจแผนที่ปะการัง ผมทำเป็นคนแรกของประเทศไทยและไปต่อที่ออสเตรเลียในเรื่องนี้ พอผมทำโปรเจกต์จบเขาก็อยากจ้างผมต่อ ผมบอกเขาว่า ‘ผมไม่อยู่ประเทศคุณแน่ เพราะประเทศที่เหมาะสมกับนักสิ่งแวดล้อมมากที่สุดนั้นไม่มีที่ไหนเหมาะเท่ากับประเทศที่ผมจากมาและกำลังจะกลับไป นั่นคือ ประเทศไทย’ ไม่ใช่ความสำนึกรักบ้านเกิดอะไรนะครับ แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือปัญหามันเยอะดี… นักข่าวสงครามไปอยู่ในประเทศที่สุขสงบแล้วมันจะทำข่าวอะไร ผมบอกนักศึกษาทุกคนว่าอาชีพที่ดีที่สุดคือ ‘นักสิ่งแวดล้อม’ เพราะประเทศนี้มันพินาศย่อยยับด้านสิ่งแวดล้อม ขนาดเพื่อนผมที่อยู่ออสเตรเลียยังอยากกลับมาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เมืองไทยเลย เพราะปัญหาเยอะดี อยู่ที่ออสเตรเลียเหงามาก แต่ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วเพราะเริ่มมีปะการังฟอกขาวให้เกิดความตื่นเต้นเร้าใจ

“เวลาคนเราอยากทำงานถ้าเกิดว่าเราไม่สนใจเรื่องเงินเป็นอันดับแรก เราสนใจเรื่องความสนุกของการทำงาน เราต้องการความท้าทาย อาชีพทำแล้วไม่สนุกเราจะทำทำบ้าอะไร การนั่งอยู่ในห้องมองทะเลหน้าตาสวย เขียว ใส ไปเรื่อย ๆ นั่นไม่เรียกว่าอาชีพ อาชีพมันต้องมีเหตุการณ์แทนทาลัม ตามด้วยบ่อนอกบ้านกรูด สึนามิมาปะการังฟอกขาวบ้าบอคอแตก กระทั่งฝนตกเป็นปลายังโทรหาอาจารย์ธรณ์ว่าเกิดจากอะไร รับโทรศัพท์ตอนห้าทุ่มคืนวันอาทิตย์ สัมภาษณ์วันเดียว 17 รายการสมัยเหตุการณ์สึนามิ การได้พุ่งพรวดไปทันทีที่ปะการังกำลังร้อนฉ่า เขียนอะไรโหด ๆ ลงโซเซียลให้อธิบดีและผู้บริหารตกใจ เหล่านี้คือความสนุก ถ้าเราประกอบอาชีพแล้วเราไม่มีความสนุกอย่างนี้เลย แล้วเราทำอาชีพไปทำไม นอนอยู่บ้านเล่นเกมหรืออ่านหนังสือดีกว่า

“ผมรู้สึกพอใจกับชีวิตตัวเองมากที่อะไรที่ผมเคยรักตอนอายุ 18 อะไรที่ผมเคยตะโกนกับทะเลว่าผมเกลียดมันมาก รอให้ผมใหญ่ก่อนเถอะ… ผมยังทำอย่างนั้นมาตลอด ปัจจุบันผมก็ยังทำเหมือนตอนที่ผมอายุ 18 เคยตะโกนร้องไห้กับทะเลตอนเห็นคนระเบิดปลาครั้งแรก ผมก็ยังทำอย่างนั้น ผมโคตรชอบชีวิตผมเลยครับ เพราะผมเป็นคนที่ไม่เคยลืมความฝันตัวเอง แล้วก็ทำมันจนสำเร็จ และยังหน้าด้านทำอยู่ถึงวันนี้ ทั้งที่ผมมีทางเลือกอีกมากมาย แต่ผมไม่เลือก ผมเลือกที่จะยึดมั่นกับสิ่งที่ผมคิดตอนอายุ 18 และรู้สึกว่าตราบใดที่เราทำมันไม่ได้ ไม่ว่าจะรวยแค่ไหนหรือเป็นอะไรก็ตามมันคือความล้มเหลวในชีวิต การประสบความสำเร็จในชีวิตมีอย่างเดียวคือเชื่อตอนตัวเองพูดเมื่ออายุ 18 และทำมันตอนอายุ 58” 

Credits

Author

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ