งานวิจัยชี้ คนวัย 65+ ที่ยังออกกำลังกายอยู่ มีโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมน้อยกว่า คนที่ไม่ออกกำลังกายถึง 45%

ทุก ๆ 3 วินาที จะมีคนได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะสมองเสื่อม 1 คน

องค์การอัลไซเมอร์ระหว่างประเทศ ADI (Alzheimer’s Disease International) รายงานว่า ปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมมากกว่า 55 ล้านคน และคาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นเป็น 139 ล้านคนภายในปี 2050 แต่ข่าวดีก็คือกว่า 40% ของเคสภาวะสมองเสื่อมสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ เช่น ความดันโลหิตสูง ภาวะน้ำหนักเกิน รวมทั้งการไม่ออกกำลังกาย ฯลฯ

ดังนั้น ทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยในการป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ ก็คือ เริ่มออกกำลังกายตั้งแต่วันนี้ แต่การออกกำลังกายที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการป้องกันภาวะสมองเสื่อมอาจจะเริ่มเห็นผลได้ชัดเจนที่สุดในช่วงวัยกลางคน

งานวิจัยจากโครงการวิจัย Framingham Heart Study ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร JAMA Network Open ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางกายของคน 4,354 คน ประกอบด้วย คนวัยผู้ใหญ่ตอนต้น 1,526 คน คนในวัยกลางคน 1,943 คน และผู้สูงอายุ 855 คน พบว่า คนที่ออกกำลังกายระดับปานกลางหรือหนักในช่วงวัยกลางคน(45-64 ปี) มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อมลดลง 41% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ในขณะที่การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องในช่วงวัยสูงอายุ (65-88 ปี)  มีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมน้อยกว่าผู้ที่ไม่ออกกำลังกายถึง 45%

การออกกำลังกายช่วยดูแลสมองอย่างไรบ้าง ?

ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบประสาท (Neuroplasticity )

ระหว่างการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย สมองจะได้รับออกซิเจนและสารอาหารในปริมาณที่จำเป็น ทำให้สามารถปรับตัวและจัดระเบียบใหม่ รวมถึงสร้างการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทใหม่ได้ดียิ่งขึ้น

ช่วยเพิ่มการหลั่งโปรตีนฟื้นฟูระบบประสาทและสมอง หรือ Brain-derived neurotrophic factor (BDNF)

โปรตีนชนิดนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของสมอง ป้องกันโรคทางระบบประสาท และช่วยพัฒนาความจำและการเรียนรู้

สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อส่วนสำคัญของสมอง

การออกกำลังกายทำให้ฮิปโปแคมปัส ซึ่งเป็นส่วนที่รับผิดชอบด้านความจำและการเรียนรู้ได้รับสารอาหารและออกซิเจนที่จำเป็นทั้งหมด ช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียความจำและโรคทางระบบประสาทเสื่อมเช่น ภาวะสมองเสื่อม พาร์กินสัน นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังมีผลต่อคอร์เทกซ์ส่วนหน้า ซึ่งเป็นสมองส่วนที่รับผิดชอบด้านการตัดสินใจ ทำให้คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำมีสมาธิมากขึ้น รวมทั้งช่วยเพิ่มการผลิตโดปามีนและเซโรโทนิน ที่ช่วยทำให้อารมณ์ดี

เมื่อตัวเลขผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี การที่เราเลือกจะนิ่งเฉย ไม่ขยับร่างกาย ก็เท่ากับเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเองช้า ๆ แต่เราสามารถหยุดความเสี่ยงนี้ได้ ด้วยการเริ่มออกกำลังกาย โดยไม่ต้องสนใจว่าวันนี้เราจะอายุเท่าไร เพราะสมองของเราเปลี่ยนได้ แค่เริ่มขยับ

อ้างอิง

https://jamanetwork.com/journals/jamanetworkopen/fullarticle/2841638

https://www.menshealth.com/health/a69545958/exercise-age-dementia-risk-study/

https://www.alzint.org/about/dementia-facts-figures/

https://pub.dzne.de/record/273934/files/DZNE-2024-01408_EN.pdf

https://shorturl.asia/R1rHW 

Credits

Author

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ