โอบกอดความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต เปลี่ยนทุกบาดแผลให้เป็นพลัง

“ตอนเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่เคยคิดว่า ถ้าเราตายวันนั้นทุกอย่างจบ อารมณ์โกรธเกลียด สิ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นตัวตน การแสวงหาคุณค่าของชีวิต มันจะไม่มีค่าเลย เพราะเราตายไปแล้ว”

พบกับเรื่องราวของ พระอิทธิยาวัธย์ โชติปัญโญ วัดนิคมประทีป จังหวัดตรัง พระสงฆ์ผู้ได้รับฉายาว่า ‘พระสายเช็กอิน’ ที่เดินทางไปทั่วสารทิศเพื่อหนีความเจ็บปวดจากปมครอบครัว แต่กลับค้นพบสัจธรรมในนาทีเฉียดตายว่า ‘ความโกรธไม่มีความหมาย เมื่อความตายมาถึง’

มนุษย์ต่างวัยชวนทุกคนมาร่วมถอดรหัสชีวิต เปลี่ยนความร้อนรุ่มในใจให้กลายเป็นความเข้าใจ และเรียนรู้วิธีที่จะกลับมาเป็นเพื่อนแท้ให้กับตัวเอง ผ่าน 5 ข้อคิดจากรายการ PHRA TALKs Podcast EP.9  ที่จะทำให้คุณยอมรับความไม่สมบูรณ์ของชีวิตมากขึ้น

1. ความโกรธไม่มีความหมายเมื่อความตายมาถึง

“การแบกความโกรธไว้คือการทำร้ายตัวเอง ให้ระลึกเสมอว่าชีวิตนั้นเปราะบาง การเสียเวลาไปกับความเคียดแค้นนั้นไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการมีลมหายใจอยู่เพื่อทำสิ่งที่มีความหมาย”

พระอิทธิยาวัธย์เคยใช้ชีวิตอยู่กับความโกรธแค้นต่อพ่อและครอบครัวใหม่ของพ่อ จนรู้สึกเหมือนมีไฟสุมอกตลอดเวลา แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อท่านประสบอุบัติเหตุรถตกเหว  ในวินาทีที่บาดเจ็บสาหัสและคิดว่าตนเองอาจจะไม่รอด ความโกรธเกลียดที่สะสมมานานกลับมลายหายไปทันทีเมื่อรู้ตัวว่ายังมีชีวิตอยู่

2. ความเข้าใจ (Empathy) จะช่วยให้เราให้อภัยได้ง่ายขึ้น

เราต้องเข้าใจบาดแผลของตัวเองและคนรอบข้าง พระอิทธิยาวัธย์ได้ถอดรหัสชีวิตของพ่อและแม่ จนพบว่าพ่อเองก็เติบโตมาในครอบครัวที่ขาดความรักและการสื่อสาร ซึ่งเป็นวงจรความทุกข์ที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เมื่อเราเข้าใจว่าคนที่ทำร้ายเราก็อาจเป็นเหยื่อของบาดแผลในอดีตเช่นกัน ความโกรธจะคลายตัวลง และเราสามารถจะเลือกได้ว่าเราจะส่งต่อความเจ็บปวดนั้นไปสู่คนรุ่นต่อไป หรือหยุดมันไว้ที่ตัวเราเอง

3. ยอมรับความเป็นมนุษย์ของตัวเอง

เรามักกดดันตัวเองให้ต้องดีพร้อม แต่ความจริงแล้วมนุษย์ทุกคนมีสัญชาตญาณและความไม่สมบูรณ์ แม้แต่พระสงฆ์ก็ยังต้องต่อสู้กับความหิว ความง่วง ความกลัว และแรงขับทางเพศ พระอิทธิยาวัธย์ได้เรียนรู้คำว่า “กวน จื้อ จ้าย” หรือ “กวน ซื่อ อิน” ซึ่งหมายถึงภาวะที่สงบ สังเกตตัวเอง และมีจิตใจที่เป็นอิสระ คือการยอมรับความจริงในใจเราอย่างที่มันเป็น ไม่ต้องเสแสร้ง แล้วค่อย ๆ ทำความเข้าใจมันด้วยความอุเบกขา หรือ “ดูไปก่อน” อย่างใจเย็น

4. พาตัวเองออกจากวังวนความทุกข์ด้วยการทำเพื่อผู้อื่น

เมื่อเราจมอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง โลกจะแคบลง  พระอิทธิยาวัธย์เลือกที่จะพาตัวเองออกไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม หรือการทำงานร่วมกับชุมชนต่างศาสนา การได้ทำประโยชน์ให้ผู้อื่นทำให้เห็นว่าชีวิตเรามีความหมายและมีคุณค่า ซึ่งความสุขจากการให้นี้เป็นความสุขที่สูงส่งกว่าความสุขทางสัญชาตญาณ และช่วยเยียวยาจิตใจให้กลับมาเข้มแข็งได้

5. จงเติบโตในฤดูกาลของตัวเอง

อย่าเปรียบเทียบความสำเร็จของตัวเองกับใคร เพราะชีวิตมีฤดูกาลของมัน พระอิทธิยาวัธย์เปรียบเทียบชีวิตเหมือน “ต้นมะขาม” ที่ต้องหยั่งรากลงดินให้มั่นคงก่อนจึงจะเติบโตได้ และมะขามนั้นจะออกลูกดกที่สุดในฤดูร้อน ในขณะที่ต้นไม้อื่นอาจแห้งเหี่ยวไป หากคุณรู้สึกว่าชีวิตยังไม่ผลิบานเหมือนคนอื่น ให้บอกตัวเองว่า “อย่ากดดันตัวเองด้วยไทม์ไลน์ของคนอื่น จงมั่นใจในจังหวะชีวิต เตรียมรากฐานให้มั่นคง เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในการผลิดอกออกผลของตัวเอง”

สามารถรับฟังเนื้อหารายการ PHRA TALKs Podcast EP.9 ได้ที่นี่ 

Credits

Author

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ