“การเป็น Caregiver ไม่ได้โรแมนติกอบอวลไปด้วยความรักและความกตัญญูเหมือนในละคร เพราะหน้าที่ของ Caregiver คือบททดสอบที่ยากมากสำหรับลูก ๆ หลาน ๆ ที่ ต้องเจอในวันที่พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย อายุมากขึ้น”
มนุษย์ต่างวัย ชวนอ่านเรื่องราวการเดินทางของ คุณอิงค์ เพื่อนในเพจมนุษย์ต่างวัย ที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำและกลับไปเป็น Caregiver ดูแลคุณย่าที่ป่วยติดเตียงที่บ้านเกิด จ.ขอนแก่น
ขอใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ 10 ปี และจะกลับบ้าน
“เราเป็นเด็กต่างจังหวัดเติบโตมาที่ จ.ขอนแก่น สำหรับเราโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น จะต้องไปอยู่และทำงานในกรุงเทพ ฯ ทำให้ตั้งแต่เด็กก็ตั้งใจมาตลอดว่าสักวันจะไปเป็นสาวกรุงเทพฯ แต่พอมาอยู่จริง ๆ เรารู้สึกว่าต่อให้เมืองหลวงนี้จะคึกคักขนาดไหน แต่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเคว้งคว้าง เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้าน ทำให้เราบอกกับตัวเองเสมอว่า ขอแค่ 10 ปีเพื่อสะสมประสบการณ์ เก็บเงิน หาคอนเนคชั่น และจะกลับไปใช้ชีวิตที่บ้าน
การเจ็บป่วยของย่า คือ จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจกลับบ้านเร็วขึ้น
“ช่วงปลายปีก่อนสัญญาณการป่วยของย่าจะเริ่มขึ้น ช่วงแรก ๆ ที่บ้านก็ปิดไว้เพราะย่าไม่อยากให้เราเป็นห่วง บอกแค่ว่าก็เจ็บป่วยตามประสาคนแก่ จนกระทั่งเราตัดสินใจกลับบ้านไปเยี่ยม ภาพที่เราเห็นคือ ย่ากลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เดินไม่ได้เพราะล้ม และตรวจพบว่าไตเสื่อมไปหนึ่งข้าง ภาพย่าในความทรงจำเมื่อปีที่แล้วที่กลับมาบ้าน กับตอนนี้กลายเป็นคนละคน
“วินาทีนั้นเราตัดสินใจแบบไม่ลังเลเลยว่าต้องกลับบ้าน กลับไปดูแลย่าให้ดีที่สุด เพราะย่าคือเซฟโซนของเราตั้งแต่เด็กและคือคนที่เรารักมากที่สุดคนหนึ่ง เรารักย่ามากและไม่อยากเสียใจเหมือนตอนที่ปู่ป่วยและกลับมาดูใจไม่ทัน”
โลกความจริงของการเป็น Caregiver ไม่ได้ง่ายและสวยงาม
“ชีวิตในวัย 26 ทิ้งชีวิตในกรุงเทพฯ กลับมาเริ่มต้นใหม่ในฐานะ Caregiver เต็มตัว ตอนนั้นเรามีความสุขมาก ใจเราพร้อมที่จะมาดูแล คิดไว้ในหัวเลยว่ามันจะต้องเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่น จะถ่ายทอดเรื่องราวลง TikTok บอกเล่าให้คนได้รู้ แต่พอต้องกลายมาเป็น Caregiver เต็มเวลาจริง ๆ เรากลายเป็นปลาช็อกน้ำ งงไปหมด ทั้งเศร้า ทั้งสับสน ภาพที่วาดฝันกับความจริงคือคนละเรื่องกันเลย”
“เริ่มตั้งแต่นอนก็ไม่ค่อยได้นอนเพราะต้องเฝ้าย่าตลอด ยิ่งช่วงกลับมาแรก ๆ ย่าเริ่มมีอาการเพ้อ หลง กลัวจะไหลตายแกเลยไม่ยอมนอน ทำให้เราก็ยิ่งไม่กล้านอน พอย่าขยับตัวนิดนึงเราก็ตื่น เพราะคิดสารพัด กลัวว่าย่าจะเป็นอะไรไป ด่านที่หินที่สุดก็คือต้องเปลี่ยนผ้าอ้อม ทำความสะอาดห้องน้ำเคลื่อนที่ ซึ่งเต็มไปด้วยอุจจาระ ชีวิตเราไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้มาก่อน เรารักย่านะ เรารักสุดหัวใจ แต่เราก็รังเกียจสิ่งที่อยู่ในโถอยู่ดี ตอนนั้นก็ทำไปเหม็นไป เบือนหน้านี้ ทำแบบลวก ๆ เพราะรับไม่ได้ หรือแม้กระทั่งการต้องล้างฟันปลอมที่เต็มไปด้วยเศษอาหาร ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะยอมรับได้
ย่าพยายามลุกไปทำความสะอาดโถอุจจาระเองเพราะกลัวหลานรังเกียจ
“เราว่าย่ารับรู้ว่าเราต้องฝืนทำ และเขาก็ไม่อยากทำให้ลูกหลานลำบาก ภาพที่เราเห็นคือย่าพยายามลุกจากเตียง ใช้ไม้เท้าประคองตัวเองไปล้างโถที่อุจจาระ ไม่ยอมให้หลานทำให้ เพราะเขากลัวหลานจะรังเกียจ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราจุกขึ้นมาในใจว่า ย่ารับรู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร ถ้าเราอยากดูแลย่าให้ได้ดีที่สุดแบบที่หวัง เราต้องปรับจิตใจ ปรับความคิดเราให้ได้”
3 เดือนที่ต่อสู้กับใจตัวเองจนมองหาความสุขจากการเป็น Caregiver เจอ
“หลังจากวันนั้นเรายิ้มรับและมองโถอุจจาระของย่าเปลี่ยนไป เรามองเป็นหน้าที่และความรักที่กำลังทำให้ย่า ไม่ได้มองว่านี่คือสิ่งสกปรก เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะกลับมาทำให้ย่ามีความสุขให้ได้นานที่สุดก่อนย่าจะจากไปเป็นหมุดสำคัญ ทำให้โถอุจจาระอันเดิม ฟันปลอมคู่เดิม ที่ไม่เคยแม้แต่อยากจะจับ สามารถจับและทำความสะอาดได้อย่างละเอียดขึ้น ไม่ได้ทำลวก ๆ อีกต่อไป ซึ่งไม่ใช่แค่ย่าที่มีความสุขกลายเป็นเรากลับมีความสุขมากกว่า เพราะเราไม่ได้รู้สึกอึดอัด ทำให้ทุก ๆ วัน ที่ตื่นมาดูแลย่ากลายเป็นความสุขอย่างที่เราตั้งใจ
ความภูมิใจในปี 2023 คือการค้นเจอความสุขจากการเป็น Caregiver
“ก่อนเราจะกลับมา ย่าจะอยู่ในบ้านคนเดียว นอนฟังวิทยุเพื่อให้ผ่านไปวันต่อวัน เพราะลูกหลานต้องออกไปทำงานกันหมด ตั้งแต่เราเข้ามาดูแลก็เริ่มชวนย่าคุยนั่นคุยนี่ สมัยก่อนย่าชอบแต่งเพลงหมอลำ เราก็เอาสมุดที่ย่าแต่งมาอ่าน มาร้องเพลงกัน ทำให้ย่าที่ดูเหมือนจะรอคอยแค่วันที่จากไป กลับสดใสกลายเป็นคนละคน จากที่ติดเตียงเดินไม่ค่อยได้ เริ่มกลับมาเดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า เราคิดว่าพอเขารับรู้ได้ว่าเราไม่ได้ทุกข์ทรมานใจในการดูแล เขาก็ยิ้มได้กว้างขึ้นกว่าทุกครั้ง”
“คำที่พ่อพูดกับเราและเราจำได้ขึ้นใจเลย ย่าคงอยู่เพื่อรอเรากลับมาจริง ๆ”