“บ้านที่ใช่ ในวันที่ไม่สายเกินไป” เรื่องเล่าของลูกสาวในวันที่ต้องหาบ้านใหม่ให้แม่

“ไม่เอาอีกแล้วถ้าจะต้องเห็นคุณแม่เกิดอุบัติเหตุอยู่ในบ้านตอนไม่มีใคร เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันไม่คุ้มกับสิ่งที่เราจะต้องเสียไป ซึ่งคือพ่อแม่ของเรา

“เพราะฉะนั้นย้ายออกมาหาบ้านใหม่คือทางออกที่ดีที่สุดทั้งกับตัวแม่เองและดีกับใจเราด้วย”

เมื่อ “บ้าน” ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้าง แต่ยังเป็นสถานที่เก็บความทรงจำตลอดชีวิตที่ผ่านมา โดยเฉพาะบ้านที่พ่อแม่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง หรือเป็นบ้านที่อยู่มานานค่อนชีวิต ถ้าคนเป็นลูกลองเอ่ยปากเรื่องย้ายบ้านออกมา เชื่อว่าผู้สูงวัยหลาย ๆ บ้านอาจจะตอบเหมือน ๆ กันคือ “ไม่ย้าย” และยอมอยู่ในบ้านหลังเก่า ทั้ง ๆ ที่บ้านหลังนั้นอาจจะไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตของผู้สูงวัยอีกต่อไป

เหมือนเรื่องราวของ คุณจินนี่ – ธนิดา กาญจนวัฒน์ ลูกสาววัย 39 ปี ที่รบเร้าให้ คุณแม่ธัน –  ธันวดี กาญจนวัฒน์ วัย 82 ปี ย้ายออกจากบ้านเก่าที่อยู่มานานกว่า 40 ปีเพื่อมาอยู่ด้วยกัน ทั้งด้วยเหตุผลว่าบ้านหลังเก่าไม่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพ และด้วยความเป็นห่วงที่ไม่อยากให้แม่ต้องอยู่ตามลำพัง แต่แม่ก็ปฏิเสธมาตลอด จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อแม่ล้มอยู่ในบ้านตามลำพัง ทำให้เธอตระหนักว่าการหาที่อยู่ใหม่ที่สามารถให้ความปลอดภัย ความสะดวก และความสุขกับแม่เป็นสิ่งที่รอไม่ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป


ในบ้านหลังเก่าที่เรารัก

“แม่อายุ 83 ปี มีลูกสาว 2 คน คือจินนี่กับพี่สาว พอถึงเวลาที่ลูก ๆ ออกมาอยู่คอนโดกันหมดแล้วแม่ต้องอยู่คนเดียวที่บ้าน ด้วยความที่แม่เป็นหญิงแกร่ง แม่เลยบอกว่าจะอยู่คนเดียวโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาอยู่ด้วย จินนี่เคยขอคุณแม่หลายครั้งแล้วว่าให้ย้ายออกมาเถอะ แต่เขาก็ไม่ย้าย

“บ้านที่แม่อยู่ต้องเดินขึ้น-ลงบันได เพราะห้องนอนเขาอยู่ชั้น 2  แล้วคุณแม่เป็นคนไม่ชอบอยู่เฉย ก็จะเดินขึ้นเดินลงตลอดเวลา จริง ๆ ก็รู้สึกกลัวว่าวันหนึ่งอาจจะล้ม หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็ได้ แล้วที่สำคัญคืออยู่บ้านคนเดียวเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่มีใครรู้”

และแล้ว … สิ่งที่กลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ

“ปกติเราต้องไปเยี่ยมคุณแม่ทุกเสาร์อาทิตย์ที่บ้านหลังนั้น เพราะเขาเริ่มเดินลำบากแล้ว ก่อนจะไป เราก็จะโทรไปบอกให้แม่เตรียมตัว เดี๋ยวเราจะรับไปกินข้าวนะ แต่ครั้งนี้พอโทรไปกลับปิดเครื่องไปเลย ติดต่อไม่ได้ เราก็เอะใจกันว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า

“โชคดีที่เราติดกล้องวงจรปิดไว้ตรงบันได เป็นจุดที่แม่จะต้องเดินขึ้นเดินลงทุกวัน  พอไปดูกล้องวงจรปิดก็เจอว่าแม่ไม่ได้เดินผ่านตรงบันไดนั้นหลายวันแล้ว เราก็คิดเลยว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ  พอเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็เจอแม่นอนอยู่ที่พื้นแบบผอมซูบ แต่แม่ยังมีสติอยู่ เขาก็พูดว่าแม่กำลังจะไปหาข้าวกิน แต่สภาพที่เราเห็นคือมันไม่ใช่สภาพไปหาข้าวกิน น่าจะมีอาการหลงด้วย เขาพยายามดึงตัวเองขึ้นมา แต่ทำไม่ได้ ทำได้แค่นอนอยู่อย่างนั้น

“พอไปถึงโรงพยาบาลคุณหมอแผนกฉุกเฉินบอกว่า คุณแม่ติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ เป็นไข้ร่วมด้วย แล้วกำลังจะอยู่ในภาวะขาดน้ำ เนื่องจากไม่มีน้ำในร่างกายเลย เราคิดมาตลอดว่าโชคดีที่ไปทัน โชคดีที่คุณแม่ยังไม่เป็นอะไรไป ไม่อย่างนั้นคง เราคงต้องมานั่งร้องไห้ทุกวันว่าทำไมปล่อยให้แม่อยู่คนเดียว”

หลังจากแม่ต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนานร่วมเดือน แม้ว่าสภาพร่างกายจะค่อย ๆ ฟื้นฟูขึ้น แต่สภาพจิตใจกลับไม่ได้ดีตามไปด้วย

“พออยู่โรงพยาบาลครบ 1 เดือน แม่เริ่มไม่ยอมกินข้าว เริ่มเบื่ออาหาร ก็พยายามสั่งอาหารข้างนอกมาสลับให้เขากินเพราะร่างกายต้องใช้โปรตีนมาฟื้นฟูกล้ามเนื้อ แต่เขาก็ไม่ค่อยยอมกิน หมอเลยบอกว่าแม่มีอาการซึมเศร้าเพราะอยู่โรงพยาบาลนาน เลยคิดว่าจะต้องหาวิธีพาแม่กลับมาดูแลต่อเองที่บ้าน

“ที่แน่ ๆ คือไม่ให้กลับไปอยู่บ้านคนเดียวแล้ว หรือจะย้ายมาอยู่คอนโดด้วยกัน ลูก ๆ ต้องออกไปทำงาน ก็จ้างพยาบาลมาประกบ แต่แม่ก็อาจจะไม่สะดวกใจเท่าไหร่ เราลองมองหาทางออกที่ดีที่สุดทั้งกับตัวเขาและกับตัวเราด้วย เลยคิดว่าจะลองหาบ้านใหม่ให้แม่อยู่ บ้านที่เหมาะกับผู้สูงวัย มีคนดูแลตลอดเวลา แต่บรรยากาศก็ต้องไม่เหมือนโรงพยาบาล หรือบ้านพักคนชรา ไม่อย่างนั้นแม่คงเศร้ากว่าเดิมแน่ ๆ”

เพราะรู้ดีว่าคุณแม่เป็นคนชอบพึ่งพาตัวเอง รักอิสระ โจทย์สำหรับการมองหาบ้านใหม่ จึงไม่ใช่แค่ต้องสะดวกปลอดภัย แต่ยังต้องเปิดโอกาสให้แม่ได้เลือกใช้ชีวิตอิสระอย่างที่ต้องการ

มิชชั่นหาบ้านหลังใหม่ให้แม่

“พอเราได้โจทย์มาแล้ว ก็ลองหาข้อมูลจากหลายๆ ที่ อ่านรีวิว ถามจากพยาบาลที่เคยดูแลแม่ตอนอยู่โรงพยาบาล ก็เลยมาลองดูที่ NAYA Residence สิ่งที่ตรงกับความรู้สึกเราเลยอย่างแรก คือที่นี่ไม่เหมือนบ้านพักคนชรา แต่เป็นเหมือนคอนโดที่ติดริมแม่น้ำ บรรยากาศดี อยู่แล้วไม่อึดอัด ลองคิดว่าถ้าเป็นตัวเองก็คงอยากจะอยู่ที่นี่ ในห้องมีอุปกรณ์แจ้งขอความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ มีทีมพยาบาลประจำการตลอด 24 ชั่วโมง มีพื้นที่ส่วนกลาง  มีห้องออกกำลังกาย และมีตารางสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ คุณแม่จะได้ไม่เบื่อ

“ที่นี่ทุกคนอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง พอถึงเวลาก็มาออกกำลังกาย ใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นก็เข้าร่วมได้ตามความสมัครใจ ดูแล้วเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแม่”

จินนี่เล่าว่าการชวนย้ายออกจากบ้านหลังเก่าครั้งนี้ แม่ยอมย้ายออกมาแต่โดยดี อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้แม่รู้ว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องย้ายออกจากบ้านหลังเก่านี้เสียที เพราะตัวเองไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่คนเดียวแบบเดิมได้อีกต่อไป และที่สำคัญคือไม่อาจปฏิเสธความหวังดีที่ลูก ๆ อยากให้แม่ได้อยู่อย่างปลอดภัย

บ้านใหม่ที่เปิดโอกาสให้ได้ใช้ชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม

จินนี่เล่าให้ฟังว่า ไลฟ์สไตล์ของแม่เมื่อตอนอยู่บ้านคนเดียวก็คือตื่นเช้ามาก็เดินออกไปซื้อของ กลับบ้าน นอนดูทีวี วนไปอย่างนี้ แม้จะอยากทำกิจกรรมแต่ก็ไม่ใช่คนที่จะออกไปเสาะแสวงหาว่ามีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง  แต่เมื่อย้ายมาอยู่ที่นี่ ทาง Naya Residence จะมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายแบบพิลาทิส วาดรูป เล่นเกมฝึกสมอง หรือทริปล่องเรือ ทำให้แม่ได้ใช้ชีวิตมากขึ้นกว่าเก่า

“อยู่ที่นี่มีเพื่อน มีกิจกรรมร้องเพลงสารพัดที่เราจะทำ แล้วก็ได้มีเพื่อนหลายกลุ่ม มีทั้งคนมีความรู้ให้เราได้เรียนรู้  มีคนต่างชาติ อยู่นี่แม่คุยภาษาอังกฤษกับเพื่อน มีสังคมเพิ่ม ตื่นมาก็ออกกำลังกาย ออกไปทำกิจกรรม ชีวิตแต่ละวันก็รู้สึกว่าสนุก” แม่ธันบอกเล่าถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากได้มาอยู่ในบ้านหลังใหม่นี้ให้เราฟัง


 “บ้าน” ของแม่

“ช่วงเดือนที่ 4 ที่มาอยู่ที่นี่ แล้วแม่พูดว่า ‘เดี๋ยวแม่ขึ้นบ้านก่อนนะ’ จินนี่กับพี่สาวถึงกับมองหน้ากันเลยว่า เออ เดี๋ยวนี้เขาใข้คำว่า ‘บ้าน’ แล้วนะ เราก็ภูมิใจ คือเราไม่ได้ตั้งใจจะให้เขามาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นที่สุดท้าย แต่ที่นี่สามารถรองรับทุกอย่างให้กับแม่จินนี่ได้ แล้วมันตอบโจทย์กับคนที่หาเงินมาดูแลแม่อย่างเรา ทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องคอยพะวงอยู่ตลอดเวลา แรก ๆ ก็มีโทรหากันทุกสัปดาห์ หลังๆ มานี้แม่แทบจะไม่โทรหาแล้ว”


บ้านที่ใช่ในวันที่ไม่สายเกินไป

“ทุกวันนี้เหมือนเรามีบ้านอีกหลังหนึ่งที่สะดวกกว่าบ้านเก่าเรา การตัดสินใจย้ายคุณแม่มาอยู่ในที่ที่เหมาะสมเป็นทางออกที่ดีสำหรับตัวคุณแม่ และเป็นทางออกที่ดีสำหรับเราด้วย ไม่เอาอีกแล้วถ้าจะต้องเห็นคุณแม่เกิดอุบัติเหตุอยู่ในบ้านตอนไม่มีใคร เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันไม่คุ้มกับสิ่งที่เราจะต้องเสียไป ซึ่งคือพ่อแม่ของเรา

“ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ทำให้เรามามากขนาดไหน คราวนี้ก็เป็นเวลาของลูกที่จะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้แม่บ้าง”

NAYA Residence ห้องพักรูปแบบให้เช่าในระยะยาวที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้สูงวัยให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ ในแบบ Active Ageing ได้ยาวนานที่สุด โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องพักที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงวัย มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมออกกำลังกาย วัสดุปูพื้นที่ลดการบาดเจ็บถ้าเกิดหกล้ม อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินและมีพยาบาลประจำการตลอด 24 ชั่วโมง 

Credits

Author

  • มนุษย์ต่างวัย

    Authorพื้นที่ถ่ายทอดเรื่องราวของสังคมสูงวัยในมุมที่สนุก สร้างสรรค์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทุกวัย

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ