เมื่อต้องเปลี่ยนสายงานอาชีพในวัย 40+ “ถ้าเราปรับตัวได้ อายุอาจเป็นข้อได้เปรียบด้วยซ้ำ”

วันที่เราอายุย่างเข้าสู่เลข 4 หรือ 5 แล้ว เราจะยังมีโอกาสเปลี่ยนสายงานได้อยู่ไหม ช้าเกินไปหรือเปล่าที่จะเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือข้ามจากสายงานหนึ่งไปสู่อีกสายงานหนึ่ง

มนุษย์ต่างวัยคุยกับ “มีน” กัณฑมาศ เอี่ยมรอด ผู้เข้าร่วมโครงการ 𝗝𝘂𝗻𝗶𝗼𝗿 𝗦𝗼𝗳𝘁𝘄𝗮𝗿𝗲 𝗗𝗲𝘃𝗲𝗹𝗼𝗽𝗲𝗿 รุ่นที่ 3 ภายใต้ความร่วมมือระหว่างเจเนอเรชัน ประเทศไทย และ สำนักเคเอ็กซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่สามารถเปลี่ยนสายงานได้สำเร็จในวัย 42 ปี จากอาชีพสายวิศวกรเคมีที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีมาก่อน จนทุกวันนี้สามารถเปลี่ยนอาชีพเป็น Journey Instructor ที่คอยช่วยสนับสนุนด้านการสอน และแนะนำผู้เรียนของโครงการ 𝗝𝘂𝗻𝗶𝗼𝗿 𝗦𝗼𝗳𝘁𝘄𝗮𝗿𝗲 𝗗𝗲𝘃𝗲𝗹𝗼𝗽𝗲𝗿 ให้สามารถเปลี่ยนสายงานได้เช่นเดียวกับเธอ
“เราจบปริญญาโทด้านวิศวฯ เคมี ทำงานสายวิศวฯ มาก่อน พอประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ต้องสูญเสียดวงตาข้างซ้าย ทำให้ไม่สามารถทำงานในสายเดิมต่อได้ เราเลยย้ายกลับบ้านที่ลำปาง แล้วไปทำงานสอนพิเศษอยู่ระยะหนึ่ง แต่ในระยะยาวเห็นว่าไม่น่าจะมั่นคง เลยเริ่มมองหาอาชีพอื่น ต่อมาพี่สาวก็แนะนำงานเทรนด์ AI ของบริษัทหนึ่งในต่างประเทศให้ เราเลยสมัครไป
“ทำให้เรามองเห็นว่าเราเองก็เป็นส่วนเล็ก ๆ ในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ไม่ได้เป็นคนทำตัวซอฟต์แวร์เอง ก็เลยคิดว่าถ้าเราขยับขยายขึ้นไปได้ เราน่าจะมีโอกาสในการทำงานมากขึ้น เพราะเรามองเห็นว่าในอนาคตเรื่องของเทคโนโลยีต่าง ๆ เรื่องการพัฒนาแอปพลิเคชัน มันต้องใช้แน่นอน เราก็เลยอยากจะทำ พอเห็นโพสต์ประกาศรับสมัครของโครงการ 𝗝𝘂𝗻𝗶𝗼𝗿 𝗦𝗼𝗳𝘁𝘄𝗮𝗿𝗲 𝗗𝗲𝘃𝗲𝗹𝗼𝗽𝗲𝗿 เราเลยสมัครไป”

𝗝𝘂𝗻𝗶𝗼𝗿 𝗦𝗼𝗳𝘁𝘄𝗮𝗿𝗲 𝗗𝗲𝘃𝗲𝗹𝗼𝗽𝗲𝗿 อีกทางเลือกสำหรับคนอยากเปลี่ยนสายงาน

“โครงการนี้สอนการพัฒนาซอฟต์แวร์ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ตรงตามชื่อเลย กลุ่มเป้าหมายคือคนที่อยากเปลี่ยนสายงาน ซึ่งอาจจะไม่มีพื้นฐาน Computer Programming มาเลยก็ได้ แต่การที่จะเข้าโครงการฯได้จะต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบทั้งในเรื่องของภาษาอังกฤษ การคิดอย่างมีเหตุผล รวมทั้งเรื่องของการสื่อสารด้วย
“ทีมผู้สอนจะเริ่มสอนตั้งแต่พื้นฐานเลยว่าอินเทอร์เน็ตทำงานอย่างไร กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันขึ้นมาสักตัวจะต้องทำอย่างไรบ้าง สอนการใช้ JavaScript ในการเขียนแอปพลิเคชัน สอนตั้งแต่ไม่รู้อะไรเลย จนสร้างแอปพลิเคชันได้
“มีการสอนด้านซอฟต์สกิล สอนเรื่องมายเซ็ต ฝึกการสื่อสาร ให้เราลองแสดงบทบาทสมมติกับเพื่อน ๆ ในคลาส ทำให้เรากล้าที่จะพูด กล้านำเสนอ กล้าคุยกันมากขึ้น เพราะการทำงานพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องสื่อสารกันเยอะมาก
“นอกจากนี้ยังแนะแนวอาชีพ สอนตั้งแต่การเขียนเรซูเม การเตรียมตัวสัมภาษณ์ ส่งเสริมความมั่นใจ รวมทั้งมีบริษัทพาร์ทเนอร์สเข้ามาสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกเข้าทำงานจริงด้วย บางคนก็ได้งานหลังจากจบแคมป์เลย โครงการนี้ให้ครบทุกอย่าง”

มากกว่าความรู้ด้านเทคโนโลยี แต่ได้วิธีคิดที่เปลี่ยนไป

“การเข้าร่วมโครงการ 𝗝𝘂𝗻𝗶𝗼𝗿 𝗦𝗼𝗳𝘁𝘄𝗮𝗿𝗲 𝗗𝗲𝘃𝗲𝗹𝗼𝗽𝗲𝗿 ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปมาก เราได้ความมั่นใจว่าเราจะเปลี่ยนอาชีพได้ และมั่นใจในความเป็นตัวเองมากขึ้น ไม่กล้าถามก็ต้องถาม ไม่กล้าพูดก็ต้องพูด รวมทั้งได้เรื่องกระบวนการคิดในการทำงานและใช้ชีวิตประจำวันด้วย
“ส่วนในด้านของอาชีพ ตัวเองไม่ได้ทำงานด้านบริษัทเทคโนโลยีแต่เลือกที่จะทำงานเป็น Journey Instructor ของทาง Generation Thailand มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยสอน (TA) เรื่องเทคนิคอลในส่วนที่ไม่ลึกมาก สอนเรื่องซอฟต์สกิล ช่วยดูเรซูเม เตรียมสัมภาษณ์งานให้ผู้เรียน สนับสนุนผู้สอนในคลาส รวมทั้งประสานงานโครงการด้วย เพื่อน ๆ ในคลาสหลายคนก็ได้งานสายเทคในบริษัทที่มั่นคง มีรายได้ที่ดี มีสังคมที่ดีขึ้น มีโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต และพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง”

อายุไม่ใช่ข้อจำกัดแต่เป็นโอกาส

“สังคมเทคไม่มีอายุ ทุกอย่างอยู่ที่ความสามารถและการสื่อสาร เราอาจจะอายุ 40 ปี แต่เราสามารถปรับตัวได้ สื่อสารได้เข้าใจ บวกกับคุณสมบัติของการผ่านประสบการณ์ชีวิตมาก่อน จึงเป็นเรื่องที่หลายทีมต้องการ ไม่ใช่ทุกที่ ทุกบริษัทที่จะลิมิตเรื่องอายุ แค่หาที่นั่นให้เจอ และเตรียมตัวของเราให้พร้อม
“สิ่งสำคัญคือกลับมาถามตัวเองบ่อย ๆ ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ยังใช่หรือเปล่า ความเบื่อ ความเหนื่อย ความล้มเหลวเป็นเรื่องที่ต้องเจอ มันเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าเราจะยอมให้อายุมาเป็นข้อจำกัดไหม ถ้าเรายอม มันก็เป็นข้อจำกัด แต่ถ้าเรามองว่าอายุเป็นข้อได้เปรียบ อายุของเรามาพร้อมประสบการณ์ เราผิดมาก่อน แก้มาก่อน เข้าใจมาก่อน ถ้าเราปรับตัวให้เหมาะกับที่ที่เราต้องการจะไปได้ อายุอาจเป็นข้อได้เปรียบด้วยซ้ำ”
📢𝗝𝘂𝗻𝗶𝗼𝗿 𝗦𝗼𝗳𝘁𝘄𝗮𝗿𝗲 𝗗𝗲𝘃𝗲𝗹𝗼𝗽𝗲𝗿 รุ่น 7 สมัครได้แล้ววันนี้ รับจำนวนจำกัด
เปลี่ยนตัวเองเข้าสู่สาย Tech ใน 15 สัปดาห์
บูทแคมป์ที่พาคนเข้าทำงานสาย Tech แล้วมากกว่า 114 บริษัท
“เริ่มต้นจาก ZERO to HERO ได้ทุกคน เพราะ ไม่จำกัดอายุ เพศ วุฒิการศึกษา ไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้ เรียนจบพร้อมหางานทันที”
“ผู้เรียนกว่า 5 รุ่น จำนวน 257 คน ที่จบจากโครงการฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 1.97 เท่า เมื่อเทียบกับอาชีพก่อนเข้าเรียน”
⭐️ทำไมต้อง 𝗝𝘂𝗻𝗶𝗼𝗿 𝗦𝗼𝗳𝘁𝘄𝗮𝗿𝗲 𝗗𝗲𝘃𝗲𝗹𝗼𝗽𝗲𝗿⭐️
– หลักสูตรตอบโจทย์ผู้ว่าจ้างงาน เพราะ โครงการฯ ได้ออกแบบหลักสูตรร่วมกับบริษัทในสาย Tech กว่า 24 แห่ง
– จัดเต็ม! TECHNICAL SKILLS ที่ใช้ในการทำงานจริง ได้แก่ HTML, CSS, Javascript, React, Node JS, Express, Relational databases, MongoDB และฝึกฝนการทำงานเป็นทีมในรูปแบบโปรเจกต์กลุ่ม
– เสริมด้วย BEHAVIORAL SKILLS AND MINDSETS (BSM) ที่ให้คุณทำงานแบบมืออาชีพ
– เรียนสด Online 100% แบบ interactive ผสมผสานกับการเรียนด้วยตัวเองผ่าน Codeacademy
– มี Carreer Support ช่วยดูแลในเรื่องของ การสมัครงาน การสัมภาษณ์ การเตรียม CV และมี Community เรียนรู้ต่อจากเพื่อน ๆ ศิษย์เก่า และ mentor ตัวจริงในสายอาชีพนี้
– เรียนรู้และเติบโตในสายงาน Tech ไปพร้อมกับเพื่อน ๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน
📌สมัครได้แล้วที่ : https://rebrand.ly/programs/jsd/manoottangwai
ตั้งแต่วันนี้จนถึง 17 มีนาคม 2567
ช่วงเวลาบูทแคมป์ : 9 เมษายน – 23 กรกฎาคม 2567
** หากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
🤝ภายใต้ความร่วมมือระหว่างเจเนอเรชัน ประเทศไทย และ สำนักเคเอ็กซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สำหรับผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงกับเกณฑ์การได้รับทุนการศึกษา สามารถแจ้งขอรับทุนจากองค์กรเพื่อสังคม เจเนอเรชัน ประเทศไทย ผ่านระบบรับสมัคร
⚡️ทุนการศึกษาจำนวนจำกัด จากเจเนอเรชัน ประเทศไทย⚡️
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ขอบคุณภาพจาก Generation Thailand

Credits

Author

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ