จากรองปลัดฯ มหาดไทยสู่คุณลุงเย็บกระเป๋า

“ตำแหน่งที่ผ่านมามันเป็นเรื่องชั่วคราว วันนี้ผมไม่ได้ยึดติดกับสิ่งนั้นอีกแล้ว ตอนนี้ผมเจอแล้วว่าความสุขของผมคือการเย็บกระเป๋า มันทำให้ผมรู้สึกมีคุณค่าในการมีชีวิตอยู่ ได้รู้ว่าตื่นเช้ามาวันนี้ยังมีเป้าหมาย”

มนุษย์ต่างวัยขอพาทุกท่านไปพบกับเรื่องราวของคุณลุง “นิพนธ์ บุญญภัทโร วัย 91 ปี อดีตข้าราชการระดับสูงที่เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดมาถึง 4 จังหวัด คือ ผู้ว่าฯ จังหวัดพัทลุง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ก่อนเกษียณด้วยตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยและผู้อำนวยการศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ว่าจะเกษียณอายุจากตำแหน่งทางราชการแต่ก็ยังทำงานต่อเนื่องในภาคการเมือง โดยดำรงตำแหน่งก่อนเกษียณคือ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลของคุณชวน หลีกภัย นานถึงกว่า 4 ปี ก่อนตัดสินใจเกษียณอายุในวัย 87 ปี เนื่องจากปัญหาสุขภาพ

หลังเกษียณอายุในช่วงแรก แต่ละวันของคุณลุงนิพนธ์ผ่านไปอย่างเชื่องช้าและเงียบเหงา นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณลุงนิพนธ์เริ่มค้นหาการงานในที่เหมาะสมกับตนเองในช่วงเกษียณ เป็นการงานที่แม้จะดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตำแหน่งข้าราชการระดับเมื่อครั้งอดีต แต่สำหรับลุงนิพนธ์ในวัย 91 ปี กลับบอกว่า นี่คือสิ่งที่ทำให้อยากตื่นขึ้นมาทำทุกวันและทำให้ชีวิตในช่วงเวลานี้มีคุณค่า นั่นคืองานทำกระเป๋าด้วยมือ

“ผมเริ่มป่วยเลยมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน แต่ละวันผ่านไป ผมไม่รู้จะทำอะไรก็เริ่มจากการสานปลาตะเพียน กว่าจะเรียนรู้ได้ก็ยากเหมือนกัน แต่พอทำมาเรื่อย ๆ รู้สึกว่าปลาตะเพียนมันเล็กน้อยเกินไป ผมเลยเริ่มจากการไปซื้อเศษหนังราคา 5-10 บาทแล้วเริ่มทำกระเป๋าเล็ก ๆ ก่อน ต่อมาก็เริ่มทำใหญ่ขึ้นได้ จนตอนนี้ทำได้คล่องขึ้น มีการสลักชื่อบนกระเป๋าแล้วแจกลูกหลานได้แล้ว”

ลุงนิพนธ์พาเราไปดูมุมทำงานเย็บกระเป๋าหนังเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในบ้านพร้อมโชว์กระเป๋าหนังใบโตให้เราดูด้วยสีหน้าแห่งความสุข ทุกฝีเย็บบนแผ่นหนังนั้นเต็มไปด้วยความประณีต ละเอียดลออ พร้อมสลักชื่อเจ้าของกระเป๋าทุกใบอย่างบรรจง

ลุงนิพนธ์เล่าว่ากระเป๋าทุกใบตั้งใจทำอย่างดีที่สุด แม้จะยากแค่ไหนก็ต้องอดทนทำให้สำเร็จตามความตั้งใจให้ได้ จนถึงทุกวันนี้ ลุงนิพนธ์เย็บกระเป๋าไปแล้วร่วมร้อยใบเพื่อส่งให้ลูกหลานที่อยู่ห่างไกล ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องแสดงความรักความห่วงใยและพลังแห่งความไม่ย่อท้อที่ชายชราผู้นี้มอบให้แก่ผู้คนในวัยหนุ่มสาว

“ครั้งแรกที่เริ่มทำยากมาก เพราะการเย็บกระเป๋าหนังต้องใช้แรงเยอะ แม้จะเจ็บมือแต่ก็ต้องอดทนเพียรพยายาม พอกระเป๋าใบแรกเสร็จผมภูมิใจมาก มันทำให้ทุกเช้าของผมรู้ว่าตื่นมามีเป้าหมายจะทำอะไร”

ด้วยวัยที่เลยผ่าน วันนี้ลุงนิพนธ์อาจไม่ได้มีตำแหน่งทางหน้าที่การงานใด ๆ เหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นคุณลุงเย็บกระเป๋าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และความสงบในจิตใจ ซึ่งคุณลุงเล่าให้เราฟังว่ามันสร้างความภาคภูมิใจให้กับตนเองไม่แพ้ช่วงเวลาใด ๆ ที่ผ่านมาในชีวิตเลย “ตำแหน่งพวกนั้นไม่ได้เป็นของเราตลอดไป เหมือนการที่เรามาอยู่บนโลกนี้ก็เป็นแค่เรื่องชั่วคราว มันสบายใจกว่าที่เรารู้ว่าทุกสิ่งไม่จีรัง ผมไม่เคยนึกเสียดายอะไรเลย เพราะวันหนึ่งทุกสิ่งก็ต้องจากเราไป แล้วเราจะไปหวงเอาไว้ทำไม” ลุงนิพนธ์กล่าวทิ้งท้ายด้วยแววตาแห่งความสุข

Credits

Authors

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ