ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บางครั้งคุณอาจจะกำลังเดินสวนกับใครบางคนที่กำลังรู้สึกเหงาอยู่
ความเหงาเป็นอารมณ์เชิงลบที่เกิดขึ้นกับคนทั่วไป เมื่อรู้สึกว่าเรามีความสัมพันธ์ หรือเชื่อมโยงกับคนอื่นไม่เพียงพอ ใคร ๆ ก็รู้สึกเหงาได้ แต่หากมีมากและมีบ่อยเกินไป ความเหงาที่ถูกปล่อยไว้ก็สามารถพัฒนาต่อและกลายเป็นปัญหาหรือความเจ็บป่วยทางใจได้เช่นกัน
ผลสำรวจจากคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า คนไทยกว่า 83% รู้สึกเหงา และกลุ่มคนที่เหงามากที่สุด คือ มนุษย์ออฟฟิศ โดยเฉพาะคนที่อยู่ลำพังในสังคมเมือง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีงานวิจัยจากต่างประเทศที่บอกว่า ความเหงาสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการจากไปก่อนวัยอันควรได้เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่วันละ 15 มวน หรือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันละ 6 แก้ว
“ผมคิดว่าโลกเราเต็มไปด้วยปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาครอบครัว ปัญหาช่องว่างระหว่างวัย ปัญหาในที่ทำงาน ปัญหาในโรงเรียน ปัญหาสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ฯลฯ จุดร่วมของการเกิดปัญหาเหล่านี้ล้วนมาจาก ‘การไม่ฟังกัน’ ไม่ว่าจะเป็น การที่เราไม่ฟังตัวเอง ไม่ฟังคนอื่น ไม่ฟังโลกและธรรมชาติ มันก็เลยกลายเป็นปัญหา แล้วถ้าถามว่าถ้ามีอะไรสักอย่างที่ทุกคนทำพร้อมกัน แล้วจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ ผมคิดว่า สิ่งนั้น คือ ‘การฟัง’”


เนื่องในโอกาสที่เดือนพฤศจิกายนถูกกำหนดให้เป็น ‘เดือนการฟังแห่งชาติ’ เราจึงถือโอกาสนี้พาทุกคนไปร่วมกันค้นหาคำตอบว่าทำไมเราจึงควรทำให้เรื่อง ‘การฟัง’ เป็นวาระแห่งชาติ และทำไมคนเราถึงควรฟังกันให้มากขึ้นผ่านการพูดคุยกับ ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ หรือ อ.เอเชีย ผู้อำนวยการร่วมธนาคารจิตอาสา และหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนโปรเจกต์สำคัญนี้ให้เกิดขึ้นจริง
ความหมายที่แท้จริงของ ‘การฟัง’
“เวลาคนเราคุยกัน ส่วนใหญ่จุดโฟกัสมักจะอยู่ที่ ‘การพูด’ หรือ ‘ฉันอยากจะบอก’ ปรากฏการณ์นี้เห็นได้ชัดเจนในงานเลี้ยงรุ่น เพราะในวงสนทนาของกลุ่มเพื่อน 10 คน 20 คน ทุกคนล้วนอยากจะเล่าว่าชีวิตที่ผ่านมาหลายสิบปีเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกคนล้วนแล้วแต่คอยหาจังหวะหรือช่องว่างเล็ก ๆ เพื่อที่จะแทรกเข้าไปเล่าเรื่องของตัวเอง แต่ไม่มีใครเลยที่อยากจะฟัง
“คนเรามักจะคิดว่า ‘การฟัง’ คือ การที่เราคุยกันแล้วทุกคนได้ยินเสียง เวลามีคนบอกว่า ‘เธอไม่ฟังเราเลย’ แล้วอีกฝ่ายตอบกลับว่า ‘ฉันฟังอยู่นี่ไง ฉันได้ยิน ฉันบอกได้เลยว่าเธอพูดอะไร’ แต่จริง ๆ แล้วสิ่งนั้นมันไม่ได้แปลว่าเราเข้าใจคนตรงหน้าเลย


“การจะฟังใครสักคน ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากความสูญเสียหรือปัญหา เราเริ่มจากความชื่นชมยินดี หรือความสนุกก็ได้ เวลาที่คนบอกว่ามาตั้งใจฟังกัน มันมักจะถูกพูดถึงในแง่ของคนที่มีปัญหา โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพจิต เรามักจะรอให้ไปถึงจุดที่มันต้องแก้ปัญหา แล้วถึงคิดว่าต้องกลับมาตั้งใจฟัง ทั้ง ๆ ที่การป้องกันมันง่ายกว่าเยอะ
“ในชีวิตคนเราการจะวัดว่าเรามีคนสนิทมากแค่ไหน ก็คือ ถ้าเราประสบความสำเร็จ หรือได้อะไรดี ๆ มา เรามีคนจำนวนมากแค่ไหนที่จะไปเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง หรือไปบอกเขาได้เลยโดยไม่เคอะเขิน เพราะเรารู้ว่าคนคนนั้นเขาจะตั้งใจฟังเรา รู้สึกเชื่อมโยงไปกับเรา และไม่ได้รู้สึกว่าเรามาคุยโม้โอ้อวด เพราะจริง ๆ แล้วคนเราไม่ได้ต้องการเพื่อนที่จะมาฟังเราเฉพาะในตอนที่มีปัญหา ตอนที่เรามีความสุข เราก็อยากจะเล่า แล้วเราก็อยากจะฟังเรื่องราวดี ๆ ของเพื่อนเหมือนกันด้วย”


ทำไมเราต้องมี ‘เดือนการฟังแห่งชาติ’
“จริง ๆ แล้วการฟังเป็นเรื่องที่ควรเกิดขึ้นในทุกวันและเกิดขึ้นกับทุกคน เราก็เลยทำให้เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนการฟังแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมให้คนตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้มากขึ้น ตอนแรกเราก็คิดว่า จะทำเป็น ‘วันแห่งการฟัง’ หรือเราจะทำเป็น ‘สัปดาห์แห่งการฟัง’ ดี แต่เราก็คิดว่ามันไม่น่าจะพอ เพราะทุกวันนี้มีคอนเทนต์มากมายเกิดขึ้นอยู่ตลอด ถ้าเราพูดเรื่องนี้แค่สัปดาห์เดียว ไม่นานมันก็จะหายไปแล้ว เราก็เลยทำให้มันเป็น ‘เดือนการฟังแห่งชาติ’ ไปเลย
“ปีที่แล้วที่เราจัดแคมเปญนี้ขึ้นมา มีองค์กรต่าง ๆ กว่า 20 แห่งทั่วประเทศ ที่ร่วมกันจัดกิจกรรมกว่า 90 กิจกรรม โดยแบ่งเป็นกิจกรรมในส่วนของ Listenian Space และ Listenian Class ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ ในหลากหลายสถานที่ เช่น ร้านกาแฟ ร้านตัดผม สวนสาธารณะ เรือเป็ด ฯลฯ
“มีคนที่ตั้งใจจะมาเล่าเรื่องราวให้คนอื่นฟัง แต่พอมาถึงจริง ๆ กลับได้ฟังคนอื่นเล่า แต่เขาบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เขารู้สึกดีขึ้น และรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น เราคิดว่าพลังแห่งการฟังมันสร้างประโยชน์ให้กับทั้งผู้ให้และผู้รับจริง ๆ
“ปีนี้เป็นปีที่ 2 ของแคมเปญแล้ว เราใช้ชื่อแคมเปญว่า #ทุกปัญหาดีขึ้นได้ด้วยการฟัง เพราะเราเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ ว่าไม่ว่าปัญหาอะไรก็ตามที่มันเกิดขึ้น มันจะดีขึ้นได้ด้วยการฟัง และในปีนี้เรามีองค์กรกว่า 100 องค์กรที่จะร่วมจัดกิจกรรม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเห็นความสำคัญของ ‘การฟัง’ ตลอดทั้งเดือน
“ผมคิดว่าเราควรจะมีพื้นที่ในการจัดกิจกรรมที่ทำให้คนรู้สึกปลอดภัยที่จะเล่าเรื่องราวที่อยู่ในใจให้คนไม่รู้จักฟัง ส่วนหนึ่งเพื่อสร้างประสบการณ์ให้คนได้เข้าใจว่า การมีคนที่เขาตั้งใจฟังเราจริง ๆ มันดีอย่างไร เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เขาอยากกลับไปส่งต่อความรู้สึกดี ๆ แบบนี้ให้กับคนใกล้ตัวหรือคนที่อยู่รอบข้าง”


การฟังที่ดีเป็นแบบไหน ?
“โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่อินกับเรื่องการฟังมาก ข้อดีของมันแบบพื้น ๆ เลยก็คือ มันทำให้คนที่ทะเลาะกัน ทำให้ประเทศที่มีปัญหากัน กลับมาใกล้กันมากขึ้น เห็นกันมากขึ้น แล้วก็คืนดีกันได้ รวมไปถึงคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในครอบครัว ความสัมพันธ์ในองค์กร มันก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิด social support หรือ การสนับสนุนทางสังคมมากขึ้น ไปจนกระทั่งการได้กลับมาเชื่อมโยงกับตัวเอง เชื่อมโยงกับโลก และเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
“การฟังมันมีความมหัศจรรย์ในตัวเองอยู่ เพราะมันไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก 2 ฝ่ายตั้งใจฟังกัน แค่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟังอย่างตั้งใจก็เป็นการเริ่มต้นเปิดพื้นที่ในใจของอีกฝ่าย ถึงแม้เราอาจจะยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่แค่เขารับรู้ว่าเราตั้งใจฟังเขา หลาย ๆ เรื่องราวก็จะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
หัวใจของการฟังมีอยู่ 3 ข้อ คือ
- อยู่กับคนตรงหน้า 100% – โฟกัสกับคนตรงหน้า ไม่หยิบโทรศัพท์มาเล่น หรือทำอย่างอื่นไปด้วยในขณะที่เรากำลังฟังอยู่ แสดงออกว่าเรากำลังฟังเขาอยู่ เช่น พยักหน้า หรือขานตอบรับเขาเป็นระยะ
- เท่าทันความคิด – ฟังอย่างเดียว โดยไม่ต้องใส่ความคิดเห็น หรือคำแนะนำของตัวเองตามไปด้วยตลอด ถ้ามันมีเสียงในหัวของเราดังแทรกขึ้นมาในขณะที่เรากำลังฟัง ให้รับรู้ หรี่เสียงนั้นลง แล้วกลับมาโฟกัสกับคนตรงหน้า
- รับรู้ความรู้สึก – เวลาฟัง อย่าฟังเฉพาะเนื้อหา คำพูด แต่ให้ใส่ใจความรู้สึกของเขา รวมทั้งความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเองด้วย
“จริง ๆ แล้วมนุษย์มีปัญญา มีความสามารถ ในการจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปแนะนำ หรือไปสอนเขา เราแค่ ‘ฟัง’ แล้วให้โอกาสภูมิปัญญาของคนตรงหน้ามันงอกเงยขึ้นมาก็พอ”
บางครั้งในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงมากมาย เราก็ต้องการแค่ ‘ความเงียบ’ ที่มากพอ กับการได้ยินเสียงของใครบางคนให้ชัดขึ้น เพราะท่ามกลางความทุกข์ และปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายในชีวิต มันอาจจะดีขึ้นมาได้ แค่เพราะเรารู้สึกว่ามีใครสักคนที่มองเห็น และได้ยินเสียงของเรา อนุญาตให้เรารู้สึกหรือเป็นอะไรก็ได้ โดยไม่แนะนำ หรือตัดสิน
เริ่มสร้างสังคมแห่งการฟัง ด้วยการเรียนรู้และสร้างทักษะการเป็นผู้ฟังที่ดีได้ที่ https://listen.happinessisthailand.com























