“ไม่มีใครอยากถูกลืมโดยเฉพาะคนที่รัก ภาพสุดท้ายที่เหลือไว้จึงอยากให้เป็นความทรงจำที่ชัดเจนที่สุด”
มนุษย์ต่างวัยพาไปทำความรู้จักเรื่องราวหลังเลนส์กับโครงการถ่ายภาพคนแก่ทั้งหมู่บ้านของ วิชาญ สุมาลี อาจารย์สอนถ่ายภาพและช่างภาพประจำจังหวัดมหาสารคาม ที่ตัดสินใจทำโครงการถ่ายภาพหมู่บ้านจากการเดินทางบันทึกเรื่องราววัฒนธรรมทั่วจังหวัดมหาสารคาม และได้มอบภาพถ่ายให้คุณตา คุณยาย เพื่อตอบแทนในการมาเป็นแบบถ่ายภาพ จากภาพถ่ายสู่การค้นพบความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในใจของผู้สูงอายุหลาย ๆ ท่าน ที่ไม่อยากเลือนหายไปจากความทรงจำของลูกหลาน
จากวิกฤตในชีวิต สู่การกลับบ้านและเริ่มต้นใหม่ในฐานะช่างภาพประจำจังหวัด
“หลังจากเรียนจบใหม่ ๆ พี่ก็ทำงานในสายงานด้านถ่ายภาพและเบื้องหลังมาตลอด พอเริ่มที่จะตั้งตัวได้ก็ไปเปิดโรงพิมพ์อยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งก็ไปได้ดีมากจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2540 เกิดน้ำท่วมใหญ่ โรงพิมพ์น้ำท่วมสูญเงินหลายล้านบาทการกลับบ้านจึงเป็นการกลับมาตั้งหลักอีกครั้ง
“แม้น้ำจะท่วมแต่สิ่งที่อยู่ในเนื้อในตัวพี่คือ “ความรู้” ในการถ่ายภาพ ทำให้พี่ได้รับโอกาสในการเป็นช่างภาพประจำของสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม เพื่อทำข้อมูลของการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมประจำจังหวัด นี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องในการออกไปค้นพบเรื่องราวของผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชน
“ในช่วงที่ต้องออกไปถ่ายภาพเราก็จะฝังตัวอยู่กับชุมชน ติดตามวิถีชีวิต ทำให้ได้ใกล้ชิดผู้สูงอายุ แรก ๆตอนไปถ่ายพี่ก็จะพยายามหาของติดไม้ติดมือไปฝากให้ผู้สูงอายุ ซึ่งแม่พี่เป็นช่างทอเสื่อก็เลยจะเอาเสื่อไปฝากพวกท่านแทนคำขอบคุณที่ให้ติดตามถ่ายภาพ”
“พอเรากลับมาดูภาพเราก็รู้สึกว่าภาพสวยนะ และเราเป็นช่างภาพ ถ้าจะให้ของที่ระลึกอะไรสักอย่างก็ควรเป็นภาพถ่าย ภาพคุณยายปั้นหม้อซึ่งถ่ายเมื่อ 7 ปีก่อนเลยเป็นภาพแรกที่เรานำไปมอบผู้สูงอายุ ”
“ตอนเอาภาพไปให้สิ่งที่พี่ค้นพบเลยคือแววตาของคุณยายที่มองภาพและอมยิ้ม พี่เลยถามคุณยายกลับว่ายายเคยมีภาพถ่ายแบบนี้เก็บไว้บ้างไหม คำตอบคือไม่เคยเลยมีแค่ภาพบัตรประชาชน คุณยายพูดว่าต่อ ดีเหมือนกันจะได้มีรูปเก็บไว้ให้ลูกหลานดู ไม่อยู่แล้วจะได้คิดถึงกัน”
“ประโยคนี้ของคุณยายทำให้เรารู้สึกว่าภาพถ่ายมันมีค่ามาก ในโลกที่ทุกคนถ่ายภาพได้ง่าย แต่ผู้สูงอายุหลาย ๆ ท่านโดยเฉพาะในชนบทกลับไม่เคยถ่ายภาพเลย ทำให้พี่ตัดสินใจว่าทุกครั้งที่ไปเจอผู้สูงอายุจะตั้งใจนำภาพกลับไปมอบให้พวกท่าน
เริ่มต้นบันทึกความทรงจำที่สวยงาม..ของผู้สูงอายุทั้งหมู่บ้าน
“ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ก็เกือบ 7 ปี ที่ได้ถ่ายภาพและมอบให้ผู้สูงอายุ แต่เป็นลักษณะที่เราออกไปถ่ายวัฒนธรรมต่าง ๆ ในภาคอีสาน ทุกครั้งก็จะมีภาพติดไม้ติดมือเพื่อแทนคำขอบคุณให้กับคุณตา คุณยาย
“พอมาช่วงโควิด งานประจำที่เคยทำก็หายไปเพราะมาตราการล๊อคดาวน์ ทำให้พี่เริ่มทำเริ่มจากหมู่บ้านของตัวเองก่อน เดินถ่ายเองไปทีละบ้านด้วยงบประมาณของตัวเอง”
“สิ่งที่ค้นพบคือความสุขในใจที่ไม่ใช่แค่คุณตา คุณยาย ที่ได้ยิ้มสวยที่สุดเพื่อให้พี่บันทึกภาพ แต่กลับเป็นพี่ด้วยซ้ำที่ได้รับพลังและความอบอุ่นในทุก ๆ ครั้งที่ไปถ่าย หลาย ๆ ครั้งที่หลังจากเรากลับมาจากการถ่ายภาพไม่กี่วันลูกหลานก็ส่งขอความมาขอบคุณว่า ขอบคุณมากที่ถ่ายรูปไว้ให้ ถ้าไม่ได้ถ่ายคงต้องไปขยายรูปบัตรประชาชน ตอนนี้คุณยายได้ใช้รูปในวันงานวันสุดท้ายแล้วยิ้มสวยเลย…สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำกับพี่ว่า ภาพถ่ายที่เราถ่ายไม่ใช่แค่รูป แต่มันคือการบันทึกความทรงจำของผู้สูงอายุในวันที่ยังงดงามที่สุด”
การถ่ายภาพ = แช่ง
“สิ่งที่เราค้นพบเลยก็คือ ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจและยินดีที่เราไปถ่ายภาพให้ เพราะเขากลัวเป็นการสาปแช่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้ทุกวันนี้เราจะถ่ายภาพเป็นเรื่องปกติ แต่พอเข้ามาถ่ายเพื่อเป็นความทรงจำสุดท้าย ชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ก็มองว่ายิ่งมาแช่งให้ผู้สูงอายุอายุสั้นลง ช่วงนั้นก็ท้อเหมือนกันเพราะเราตั้งใจดี”
“บางครั้งเข้าไปก็ถูกต่อว่าก็มี บางคนคิดว่าเราจะเข้ามาหลอก มาขายปุ๋ยบ้าง มาหาเสียงบ้าง มาหลอกเอาเงินคนแก่บ้าง แต่สิ่งที่ทำให้เรายังสู้ทำก็เพราะคำนี้ ไม่มีใครอยากถูกลืม พี่อยากให้ผู้สูงอายุที่ไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพ ท่านได้มีภาพที่ท่านยังดูดี วันไหนท่านจากไปรูปที่ยังอยู่จะไม่ใช่ภาพที่ไม่ยิ้มเหมือนบัตรประชาชน แต่จะเป็นรอยยิ้มที่สวยงามเพื่อให้ลูกหลานได้คิดถึง”
สร้างทีม ลงพื้นที่
“สิ่งที่พี่ทำก็คือเพื่อลดความเสี่ยงในการทำโครงการ เราก็ร่วมมือกับ พัฒนาชุมชน และ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการทำความเข้าเข้าใจกับชาวบ้าน โดยเราจะไม่ลงพื้นที่คนเดียว แต่จะให้หน่วยงานลงไปด้วย เพื่อเป็นการสำรวจความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุ และสร้างสบายใจให้ผู้สูงอายุและชาวบ้านในพื้นที่”
“โดยโครงการถ่ายภาพคนแก่ทั้งหมู่บ้าน หรือถ่ายภาพผู้สูงอายุทั้งหมู่บ้านพี่แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือโครงการส่วนตัวนำเงินมาจากการสอนถ่ายภาพจะเป็นการเดินถ่ายภาพผู้สูงอายุทั้งหมู่บ้าน , โครงการแบบที่ 2 คือโครงการแบบมีเจ้าภาพร่วม สำหรับคนที่อยากร่วมทำบุญ โครงการนี้ก็จะยกสตูดิโอไปที่พื้นที่ชาวบ้านก็จะมารวมตัวกันและถ่าย ส่วนรูปแบบที่ 3 คือการทำโครงการใหญ่ประจำปี ก็จะมีทีมงานลงไปช่วยและจะมีทีมช่างภาพลงพื้นที่ไปด้วย
“แต่ละที่ ที่พี่เลือกไปจะมาจากการขอโครงการเข้ามาทางเพจ WichanPhoto โดยเราจะดูความตั้งใจของแต่ละหมู่บ้านว่าทำไมถึงอยากให้ไปถ่าย และดูความพร้อมของเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาช่วยเหลือในการสื่อสารและคุยกับชาวบ้าน และทุกที่ต้องอยู่นอกเขตเทศบาล เพราะห่างไกลจากตัวเมือง ทำให้มีโอกาสน้อยลงที่จะได้ไปถ่ายภาพ ที่ต้องเลือกพิจารณาอย่างดีเพราะโครงการทุกโครงการไปทำให้ฟรี อยากให้สิ่งนี้ไปถึงผู้ที่ต้องการจริง ๆ”
อยากเป็นความทรงจำที่งดงามของลูกหลาน
“สิ่งหนึ่งที่เราลงพื้นที่ไปแล้วเจอคือผู้สูงอายุหลายๆท่าน บางท่านยืน นั่งไม่ไหว แต่ก็พยายามที่จะลุกขึ้นมาให้เราถ่ายภาพ บางท่านแต่งตัวรอด้วยชุดที่สวยที่สุด เพราะท่านรู้ดีว่าเวลาของท่านเหลืออีกไม่นาน และนี่อาจเป็นภาพสุดท้ายที่ท่านจะฝากไว้ให้กับลูกหลานในวันที่ตัวคุณตา คุณยายจากไป”
“หลาย ๆ ครั้งการไปเยือนของทีมงาน หลายเป็นความสุขของผู้สูงอายุ บางท่านอยู่เพียงลำพัง เพราะลูกหลานต้องไปทำงานในเมือง หรือในกรุงเทพ ซึ่งสังคมของผู้สูงอายุต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคอีสานจึงแทบไม่มีลูกหลานคนรุ่นใหม่ มีเพียงคนเฒ่าคนแก่ ทำให้ทุกครั้งที่เราไปเหมือนแขกผู้มาเยือนที่ทำให้พวกท่านชุ่มชื้นหัวใจและหายคิดถึงลูกหลาน
คำอวยพรคือค่าจ้าง
“สิ่งที่เราได้จากการทำไม่ได้ทำให้พี่รวยขึ้นในเชิงรายได้ แต่ทำให้เรารวยขึ้นในเชิงความสุข เรามีรอยยิ้มนับร้อยนับพันชีวิตที่ยิ้มผ่านกล้องให้เรา มีคำขอบคุณเป็นการอวยพระให้อายุมั่นขวัญยืน บ้างก็เอาผลไม้ ข้าวสาร ผักปลาที่หาได้มาตอบแทน มันกลายเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะหาได้”
“ที่สำคัญคือเรื่องราวของผู้สูงอายุทำให้เราได้ทำใจอยู่กับความตาย ยอมรับความตายได้ง่ายขึ้น และอยู่กับปัจจุบัน หรือระลึกความตายอยู่เสมอ ทำให้พี่ได้หลักคิดในการดำเนินชีวิตไปด้วย”
“ดังนั้นสิ่งที่เราทำเราไม่ได้เป็นแค่ผู้ให้แต่คือผู้รับด้วย ความตั้งใจของพี่คือก่อนเกษียณจะถ่ายภาพผู้สูงอายุให้ครบ 10,000 ภาพ และสิ่งที่อยากฝากไว้คือ ลูกหลานที่หลงลืมผู้สูงอายุที่บ้าน อยากให้กลับไปยิ้ม กลับไปพูดคุย หรือตอบไลน์ท่านบ้าง เพราะเราไม่รู้เลยวันวันสุดท้ายจะมาถึงเมื่อไร