ภาพจำของพวงมาลัยสำหรับใครหลายคน คงเป็นงานฝีมือที่สวยงาม ประณีต ต้องถูกร้อยด้วยดอกไม้สวย ๆ กลิ่นหอม สีสันสดใส เพื่อนำไปมอบให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ หรือใช้ถวายพระ แต่คงไม่ใช่สำหรับ ‘ครูนิด’ บายศรี กาญจนพันธุ์ วัย 58 ปี เจ้าของเพจ ‘ร้อยเรียบ’ ที่เชื่อว่าพืชพันธุ์ต่าง ๆ ที่เติบโตอยู่ในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นดอกหญ้า ใบไม้ ลูกไม้ พืชผักที่อยู่ในครัว ล้วนแล้วแต่มีความสวยงาม มีคุณค่า และหยิบเอามาร้อยเป็นมาลัยได้ทั้งนั้น
ทุกวันนี้ครูนิดกลายเป็นนักสังเกตที่คอยมองหาดอกไม้ ใบไม้สารพัดชนิดมาทดลองร้อยให้เป็นพวงมาลัย และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ครูนิดก็จะพกเข็ม ด้าย และกรรไกรเป็นไอเท็มติดตัวเสมอ เพื่อให้พร้อมร้อยมาลัยได้ทุกที่และทุกเวลาที่อยากทำ
ครูนิดจะมีสมุดบันทึกที่เอาไว้จดทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับต้นไม้ ดอกไม้ชนิดต่าง ๆ เก็บไว้เพื่อบันทึกถึงช่วงเวลาเก็บดอกไม้ ใบไม้ที่เหมาะสม วิธีการเก็บรักษา หรือลิสต์รายชื่อของพืชชนิดต่าง ๆ ที่เคยลองร้อยไปแล้ว
สำหรับครูการร้อยมาลัยจึงเป็นทั้งความสนุก ความท้าทาย และการให้เวลากับตัวเองที่ดีที่สุด
ร้อย (ให้) เรียบ
“ครูเคยไปเรียนจัดดอกไม้ ตอนนั้นชีวิตวุ่น ๆ อยู่กับดอกไม้ตลอด พอดีมีผู้ปกครองเด็กที่เราสอนศิลปะมาถามว่า เราจัดดอกไม้แล้วอยู่แล้ว ทำไมไม่ร้อยมาลัยขาย หรือสอนเด็กร้อยมาลัยด้วย เราเป็นครู จะสอนคนอื่นได้ มันก็ต้องรู้จริง ตอนนั้นคิดว่าความรู้เรายังไม่พอที่จะสอน ก็เลยไปหาข้อมูลการเรียนร้อยมาลัยเพิ่ม หาข้อมูลไปเรื่อย ๆ จนมาสะดุดที่โรงเรียนช่างฝีมือในวัง(หญิง) ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเรียน เสียแค่ค่าอุปกรณ์ ก็เลยตัดสินใจสมัครเรียนที่นั่น
“พอไปเรียนจริง ๆ มันยากมาก กว่าจะร้อยได้พวงหนึ่งใช้เวลาตั้ง 3 วัน โชคดีที่เราเข้าไปเรียนได้ถูกจังหวะ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงพระราชพิธีพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้เราได้เรียนรู้การทำงานจริง ๆ เพราะทุก ๆ 3 วัน เราจะต้องร้อยมาลัยไปคล้องหีบพระบรมศพ มันก็เลยเป็นกำลังใจให้เราอยากทุ่มเททำงานให้สำเร็จ
“ช่วงโควิด-19 เราเข้าไปซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาดไม่ได้ ก็เลยไปเก็บดอกไม้จากส่วนกลางของหมู่บ้าน หรือขอดอกไม้ที่เพื่อนบ้านเขาจะตัดทิ้งมาลองร้อยดู ช่วงแรก ๆ ก็ร้อยแล้วถ่ายภาพลงเฟซบุ๊กส่วนตัวก่อน พอลงบ่อย ๆ ก็เลยเปิดเพจขึ้นมาเพื่อเก็บบันทึกให้เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น แล้วก็เลยตั้งชื่อว่า ‘ร้อยเรียบ’ ด้วยคอนเซปต์ที่คิดว่า ทุกอย่างที่ดูแล้วน่าจะร้อยได้ เราจะเก็บมาร้อยให้หมด”
ดูใจก่อนไปต่อ
“ครูคิดว่าดอกไม้ ใบไม้ เขามีภาษาของตัวเองนะ บางครั้งก็รู้สึกเหมือนเขาเรียก เดิน ๆ อยู่ก็รู้สึกว่ามีเหตุให้ต้องหันไปมอง ก้มดู หรือลองสัมผัส ถ้าสัมผัสแล้วรู้สึกว่ามันน่าจะร้อยได้ ก็จะลองเก็บมาก่อนนิดหน่อย เพราะเราต้องเอามาทดลองก่อนว่าเราจะเอาเขามาร้อยได้จริง ๆ ไหม ดูว่าพอเก็บมาจากต้นแล้ว เขาอยู่กับเราได้นานแค่ไหน ถ้าเราเก็บมาทีเดียวเยอะ ๆ เลย มันเหมือนเราไม่ให้เกียรติเขา เพราะเรายังไม่ทันได้รู้จักเขาเลย แต่ไปเก็บเขามาร้อย มันก็เสียเวลาเรา เสียเวลาเขา ถ้าเขาอยู่ดี ๆ สวย ๆ บนต้นอยู่แล้ว เราเอามาทำเสียหายมันก็ไม่ดี และถ้าดูแล้วว่าเก็บไม่ได้ เราก็จะไม่ไปแตะ อย่างน้อย ๆ ของที่เราจะเอามาร้อย จะต้องมีก้านที่หนาเล็กน้อย เพื่อให้เข็มร้อยผ่านได้ กว่าจะออกมาเป็นมาลัยได้สักพวง ต้องดูใจกันอยู่นาน
“ครูมองว่าพวงมาลัยมันเป็นงานศิลปะ อยากทำอะไร เราก็ทำ การที่เราเก็บดอกไม้ ใบไม้ที่มันอยู่รอบ ๆ ตัวมาลองร้อย มันเป็นการให้เกียรติดอกไม้ทุกดอก พืชพันธุ์ทุกชนิด บางครั้งไปตลาดแล้วเห็นผักอะไรที่น่าร้อยก็จะหยิบมาลองร้อยดู เช่น ผักปลัง ดอกกุยช่าย ผักกาดขาว บรอกโคลี กวางตุ้ง ฯลฯ ทุกอย่างที่เอามาร้อย ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครเขาหยิบเอามาร้อยเป็นมาลัยเลย
“มาลัยพวงแรกที่เริ่มหยิบดอกไม้แปลก ๆ มาทดลองร้อย คือมาลัยดอกหญ้าตีนตุ๊กแก เป็นดอกหญ้าสีขาว ๆ เหลือง ๆ ดอกเล็ก ๆ ที่ขึ้นอยู่ริมถนน ลักษณะคล้าย ๆ ดอกเดซี่ พอร้อยเสร็จแล้ว ก็รู้สึกว่ามันออกมาโอเคนะ แต่สิ่งที่ร้อยเสร็จแล้วลงรูปไปในเพจแล้วมีคนแชร์ไปเยอะมาก คือ พวงมาลัยดอกพญาสัตบรรณ หรือพวงมาลัยดอกตีนเป็ด แต่ฟีดแบ็กค่อนข้างเป็นไปในเชิงลบ เหมือนเขาแชร์ไปบูลลี่ บางคนก็บอกว่าเป็นวัตถุพยานในการฆาตกรรม
“เราคิดว่ามันไม่ได้เหม็นขนาดนั้นนะ แต่บางคนที่แพ้เราก็เข้าใจ เราว่ามันเป็นดอกไม้ที่น่าสงสาร บางทีก็โดนล้อ โดนรังเกียจ เขาเป็นพืชที่อยู่ในป่าอยู่แล้ว แต่คนเราไปเอามาปลูกในเมืองเอง จริง ๆ มันเป็นดอกไม้แห่งภูมิรู้นะ เป็นสัญลักษณ์แห่งสติปัญญาที่แตกฉาน ที่จะมอบให้กับบัณฑิตของศานตินิเกตัน ประเทศอินเดีย ในวันจบการศึกษา”
ร้อยไม่ซ้ำ แต่จำสูตรได้
“ส่วนพวงมาลัยที่ร้อยออกมาได้สำเร็จแล้วรู้สึกดีใจมาก ๆ ก็คือ พวงมาลัยต้มยำ ร้อยจากข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด เป็นพวงมาลัยที่มีผู้ติดตามเพจหลายคนแนะนำให้ลองร้อยมานานแล้ว แต่ตอนนั้นยังคิดไม่ออกว่าจะร้อยแบบไหน พอทำจริง ๆ มันก็ออกมาสวยดีนะ พอลงรูปไปก็มีคนบอกว่าเราควรไปจดลิขสิทธิ์ ซึ่งครูก็ไปจดไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นการบันทึกไว้ว่าเราเป็นคนแรกที่คิดค้นมันขึ้นมา
“สิ่งที่เคยลองเอามาร้อยแล้วใช้เวลานานที่สุด คือ พวงมาลัยลูกสน ใช้เวลางมอยู่ 3 วัน เพราะมันแข็งมาก ตอนนั้นไปเที่ยวทะเลหลายวัน แล้วอยากร้อยมาลัย แต่มันไม่มีอะไรให้ร้อย ก็เลยเก็บมันมาร้อย ทุกวันนี้ครูพกเข็ม ด้าย กรรไกรติดตัวไว้ตลอดเลยนะ แต่ถ้าวันไหนไม่ได้เอาไปด้วย แล้วเห็นดอกไม้ที่ถูกใจ ก็จะจดไว้ก่อน แล้วค่อยไปหามาร้อยทีหลัง จนถึงตอนนี้น่าจะลองหยิบพืชพันธุ์ต่าง ๆ มาลองร้อยประมาณ 100 กว่าชนิดแล้ว
“การเรียนร้อยมาลัยทำให้เราเป็นนักสังเกต เราสังเกตต้นไม้ ดอกไม้ที่อยู่รอบ ๆ ตัวมากขึ้น เวลาร้อยมาลัยมันรู้สึกเหมือนโลกนี้เป็นของเรา ได้นั่งกับตัวเองเงียบ ๆ ค่อย ๆ ดีไซน์ไปเรื่อย ๆ ระหว่างทำเราก็ใช้ความคิดไปด้วยว่าเราอยากให้มันออกมาเป็นแบบไหน ครูจะจดบันทึกไว้หมดว่าดอกไม้ชนิดนี้ต้องเก็บเวลาไหน ตัดอย่างไร ตัดแล้วต้องแช่น้ำเลยไหม หรือแค่เอามาผ่านน้ำ ดอกไหนที่ไม่ชอบน้ำ ไม่ชอบตู้เย็น อะไรที่เคยเอามาร้อยแล้ว ก็จะเขียนชื่อเก็บไว้ ยังมีดอกไม้อีกเยอะเลยที่ยังไม่ได้ลองเอามาทำ คิดว่าจะลองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่มีแรงร้อย”
มาลัยใคร(มา)ลอง
ทุกวันนี้นอกจากครูนิดจะเปิดเพจ และทดลองร้อยมาลัยจากสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ครูนิดยังรับสอนร้อยมาลัยให้กับคนที่สนใจได้มาลองเรียนด้วย นักเรียนของครูมีหลากหลายวัย ตั้งแต่เด็ก 4 ขวบครึ่งไปจนถึงผู้ใหญ่วัย 70 ปี หลากหลายอาชีพ เช่น คุณหมอ สถาปนิก นักศึกษา ฯลฯ รวมทั้งชาวต่างชาติก็เป็นอีกกลุ่มที่ให้ความสนใจ
“เวลามาเรียนจะได้เรียนพื้นฐานก่อน เริ่มจากการร้อยดอกมะลิแบบมาลัยทั่วไปที่คนเขาร้อยกันเป็นปกติ ถ้าผ่านพื้นฐานแล้วอยากมาเรียนต่อ ถึงจะมาเรียนร้อยมาลัยจากดอกไม้ ใบไม้ หรือพืชแปลก ๆ ได้ ถ้าอยู่ ๆ มาเริ่มร้อยจากดอกไม้ที่ไม่คุ้นเคย มันจะยากจนอาจถอดใจไปก่อน แล้วร้อยไม่สำเร็จ
“ปกติเวลาเรียนครั้งหนึ่งจะอยู่ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ค่อย ๆ ร้อยกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเสร็จทั้งพวง ถ้าดอกไม้เหลือ ก็เอากลับไปร้อยต่อที่บ้านได้ คนที่มาเรียนส่วนใหญ่ เขามีเป้าหมายมาอยู่แล้ว พอมาเรียนจริง ๆ ทุกคนก็ทำได้ และมีความสุขที่ได้ทำ คนที่บอกว่าทำไม่ได้เลย ไม่มีพื้นฐานมาก่อน แต่พอมาแล้วก็ร้อยได้ ครูเชื่อว่าหญิงไทยทุกคนมีสกิลความเป็นแม่บ้านแม่เรือนอยู่ในตัว
“ครูสัมผัสได้ถึงความภูมิใจของนักเรียนทุกคนที่เขาได้ร้อยมาลัยด้วยมือตัวเอง เหมือนเขาได้ค้นพบแง่มุมบางอย่างที่อาจจะไม่เคยนึกถึงมาก่อน และไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนี้ได้ เคยมีนักเรียนมาขอเรียนร้อยมาลัย เพราะอยากร้อยไปให้คุณแม่ เพื่อแทนความรักและคำขอโทษ เราก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเป็นกาวใจให้กับเขา บางคนเรียนไปแล้วก็กลับไปร้อยมาลัยไปไหว้พระ
“ทุกวันนี้ครูไม่ได้ร้อยมาลัยขาย เพราะรู้สึกว่าไม่อยากไปเล่นกับความรู้สึก ความสวยของคนเราไม่เหมือนกัน”
สวยงามเพราะความ ‘ตั้งใจ’ ไม่ใช่ ‘คงทน’
“การร้อยมาลัยมันสนุกนะ มันให้ความรู้สึกท้าทาย เวลาที่เห็นดอกไม้ ใบไม้ที่ไม่เคยมีใครเอามาร้อยก็อยากเก็บมาลองร้อยดู คิดว่าจะทำอย่างไรให้มันแปลก ให้มันดูแตกต่าง แต่เราจะไม่ทำอะไรให้มันผิดไปจากธรรมชาติของเขา อย่างเช่นการย้อมสี ธรรมชาติเขาเป็นอย่างไร เราก็จะคงไว้อย่างนั้น หน้าที่ของเราคือดึงจุดเด่นของเขาออกมา
“จริง ๆ ดอกไม้ ใบไม้อยู่บนต้นเขาก็เหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลาอยู่แล้ว แต่เราเห็นคุณค่าของเขา เหมือนเรามาดูแลเขาในช่วงหนึ่งของอายุขัยชีวิต ให้เขาออกมาดูดีที่สุด มันเป็นภาพความทรงจำครั้งหนึ่งว่าเราเคยร้อยเขาให้สวยงาม บางอย่างเราเก็บมาจากพื้นดิน พอเอามาร้อยแล้วก็เอาเขาไปไว้บนที่สูงได้
“พวงมาลัยเป็นของที่ทำด้วยใจ ถ้าไม่มีใจมันทำไม่ได้แน่ ๆ เราลงมือทำด้วยความตั้งใจ ความเคารพ ศรัทธา เพื่อที่จะเอาไปให้ใครสักคนที่มีความหมายกับเรา หรือแม้กระทั่งทำขึ้นมาเฉย ๆ ไม่ได้เอาไปให้ใคร แต่ความรู้สึกเหล่านั้นมันก็ซ่อนอยู่ในพวง มันสมบูรณ์ในตัวมันเอง มันเป็นมากกว่าความนึกถึง มันมีความตั้งใจ ความจริงใจ ความรู้สึกทั้งหมดที่เรามีก็อยู่ในนั้น ทุกอย่างผ่านการเรียงร้อยและดีไซน์มาอย่างดี
“ดอกไม้ ใบไม้มันมีอายุขัยในการใช้งาน ไม่ว่าเราจะร้อยออกมาวิจิตรพิสดารแค่ไหน มันก็ใช้ได้ไม่กี่ชั่วโมงเหมือนกันหมด ทุกอย่างไม่ว่าจะสวยงามแค่ไหน มันก็ต้องสูญสลายไป บางคนอาจคิดว่า ทำไปทำไม น่าเสียดาย ทำไปก็ใช้ได้แป๊บเดียว แต่เราไม่เคยเสียดายที่ได้ทำ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราทำด้วยใจแล้วส่งต่อ ถึงแม้ว่าดอกไม้มันจะเหี่ยวเฉาไป แต่ความรู้สึกมันยังอยู่”