‘น้องได้ทุน คุณได้ของ’ ชวนส่งความสุข 2 ต่อช่วงปีใหม่ ที่ ‘ร้านปันกัน’ โดย มูลนิธิยุวพัฒน์

เวลาที่เราพูดถึง ‘ของขวัญ’ ภาพแรกในความคิดของใครหลายคน ก็คงนึกถึงของใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการใช้งาน ห่อด้วยแพ็กเกจหน้าตาสวยงาม เป็นของคุณภาพดี ที่ตั้งใจเลือกมาเป็นพิเศษ เพื่อมอบเป็นของแทนความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อใครสักคน

ช่วงใกล้ปีใหม่แบบนี้ หลายคนก็อาจกำลังมองหาของขวัญดี ๆ ให้กับคนใกล้ตัว ทั้งคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนรัก หรือแม้แต่ให้กับตัวเองอยู่ ปีนี้ เราเลยอยากชวนคุณมาลองมองการเลือกของขวัญในมุมใหม่ และทำให้ ‘การให้’ มีความหมายมากยิ่งขึ้น

เพราะการเลือกของขวัญในครั้งนี้จะไม่ได้แค่ส่งความรู้สึกดี ๆ ถึงคนที่คุณตั้งใจมอบของขวัญให้เท่านั้น แต่มันจะกลายเป็นของขวัญชิ้นใหม่ที่ส่งต่อให้กับเด็กอีกหลายคนที่กำลังรอโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาด้วย

เรากำลังพูดถึง ‘ร้านปันกัน’ โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ ร้านค้าที่รวบรวมของสภาพดีที่ได้รับแบ่งปันมาจำหน่ายต่อในราคาย่อมเยา เพื่อนำรายได้ทั้งหมดไปใช้เป็นทุนการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ที่ขาดโอกาส

‘น้องได้ทุน คุณได้ของ’ ชวนส่งความสุข 2 ต่อช่วงปีใหม่ ที่ ‘ร้านปันกัน’ โดย มูลนิธิยุวพัฒน์

‘คุณปุ๊ย’ ฐาปนีย์ สินาดโยธารักษ์ ผู้อำนวยการโครงการร้านปันกัน เล่าถึงกลไกในการทำงานและวัตถุประสงค์ของการสร้าง ‘ร้านปันกัน’ ไว้ว่า “ที่ปันกันไม่เรียกของที่รับมาว่า ‘ของบริจาค’ แต่เรียกว่า ‘ของแบ่งปัน’ เพราะของทุกชิ้นที่เรารับมาต้องไม่ใช่ของที่ชำรุดแล้ว ไม่ใช่ของที่จะทิ้ง แต่คือของที่เจ้าของมั่นใจว่าสภาพยังดีพอที่เขาจะให้คนที่ตัวเองรักใช้ต่อได้

“ปันกันมีของทุกอย่าง ตั้งแต่ของชิ้นเล็ก ๆ อย่างรองเท้าเด็ก ไปจนถึงของใหญ่ ๆ อย่างรถเบนซ์ ถ้าเราเอาของไปบริจาค เราไม่รู้เลยว่าคนที่เขาได้รับไป เขาจะใช้หรือไม่ใช้ แต่คนที่มาเลือกของที่นี่ไปคือคนที่ต้องการใช้ของชิ้นนั้นจริง ๆ เราคิดว่าโมเดลนี้มันทำให้คนรู้สึกได้ว่า ‘การให้’ ของเขามันไม่ได้สูญเปล่า เพราะทุกอย่างจะถูกนำมาทำให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง”

‘น้องได้ทุน คุณได้ของ’ ชวนส่งความสุข 2 ต่อช่วงปีใหม่ ที่ ‘ร้านปันกัน’ โดย มูลนิธิยุวพัฒน์

จุดเริ่มต้นของปันกัน 

“ในช่วงภาวะฟองสบู่ เศรษฐกิจไม่ดี ทางกรรมการของมูลนิธิยุวพัฒน์ซึ่งดูแลเรื่องทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ขาดโอกาส เคยหารือว่า ถ้าวันหนึ่งเกิดวิกฤตขึ้น การสนับสนุนลดลง หรือไม่มีคนบริจาคเงินเข้ามา เราจะยังดูแลเด็ก ๆ กลุ่มนี้ให้ไปต่อได้อย่างไร”

คำถามนี้นำไปสู่การมองหาวิธีที่ยั่งยืนกว่าในการดูแลเด็ก ๆ ที่ไม่ใช่แค่การขอรับการสนับสนุน แต่เป็นการสร้างระบบขึ้นมาใหม่ที่สามารถดูแลเด็ก ๆ ได้ในระยะยาว “จากการไปดูงานที่ต่างประเทศของประธานมูลนิธิในหลาย ๆ ที่ เช่น Oxfam (องค์กรระดับโลกที่ทำงานเพื่อแก้ไขความอยุติธรรมและความยากจน) Beauful Store (องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและร้านค้าการกุศลของเกาหลี) นำไปสู่การเกิดไอเดียว่า เราน่าจะทำร้านปันกันที่เมืองไทย เป็นร้านที่ให้คนเอาของมาแบ่งปันแล้วนำรายได้มาเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์

“ร้านปันกันร้านแรกจึงเกิดขึ้นในปี 2543 ที่ศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ ถนนศรีนครินทร์ ซึ่งปัจจุบันคือ พาราไดซ์ พาร์ค ภายใต้การดำเนินงานโดย มูลนิธิยุวพัฒน์ ที่อยากชวนผู้คนในสังคมมามีส่วนร่วม เปลี่ยนการแบ่งปันให้กลายเป็นทุนการศึกษา สำหรับเด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาส และมีความเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษา

“เราค่อย ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยวิธีการทำงานแบบปากต่อปาก ไม่มีมาร์เก็ตติ้ง เราแค่บอกคนอื่นให้รู้ว่าเราทำอะไร แล้วเราก็ชวนให้คนนำของที่เขามีมากเกินไปมาแบ่งปัน เช่น เสื้อผ้าที่เก็บไว้ในตู้แต่ไม่ได้ใส่ก็เอามาให้เราได้ เราจะค่อย ๆ เปลี่ยนเสื้อพวกนั้นเป็นทุนการศึกษา และเป็นของที่แบ่งปันให้คนอื่นได้ใช้ต่อในราคาย่อมเยา”

‘น้องได้ทุน คุณได้ของ’ ชวนส่งความสุข 2 ต่อช่วงปีใหม่ ที่ ‘ร้านปันกัน’ โดย มูลนิธิยุวพัฒน์

สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน

“ปันกันไม่ใช่ร้านค้า ปันกันเป็นแพลตฟอร์ม เป็นเหมือนโครงสร้าง เพราะของก็ไม่ใช่ของของเรา เงินก็ไม่ใช่เงินของเรา เราไม่ใช้คำว่า ‘บริจาค’ แต่เราใช้คำว่า ‘แบ่งปัน’ เพราะถ้าเราคิดถึงคำว่า ‘บริจาค’ เราจะนึกถึงโต๊ะขาหัก หรือของที่พังแล้วต้องเอาไปซ่อม ปันกันจึงพยายามที่จะอธิบายกับทุกคนว่าสิ่งที่เรารับ คือ ของสภาพดี ของที่คุณยังรักอยู่ ของที่คุณคิดว่ายังมีค่า แล้วเอามาแบ่งปันกัน พูดง่าย ๆ ว่าอะไรที่คุณแบ่งให้น้องสาว ให้คนในครอบครัวของคุณใช้ได้ นั่นแหละคือสิ่งที่เรารับ”

สิ่งที่ปันกันตั้งใจจะทำไม่ใช่แค่การให้คนนำของที่มีอยู่มาให้ที่ร้าน แต่คือความตั้งใจในการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันให้เกิดขึ้น และทำให้ทุกคนรู้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีมากหรือน้อยแค่ไหน หรือแม้กระทั่งไม่มีของอะไรจะให้ คุณก็สามารถมาร่วม ‘แบ่งปัน’ ได้

“เราอยากสร้างจิตสำนึกในการให้ อยากให้ทุกคนมีความรู้สึกว่าของทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ตัวสามารถนำมาแบ่งปันได้ คุณไม่จำเป็นต้องมีเสื้อ 100 ตัว 1,000 ตัว แค่เสื้อไม่กี่ตัวที่คุณไม่ค่อยได้ใส่ก็สามารถเอามาทำให้เกิดการรียูซ และเกิดเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ได้ ปันกันไม่ได้อยากได้แค่ ‘ของ’ แต่ปันกันอยากได้ ‘โอกาส’ อยากให้คนเข้ามามีส่วนร่วมกับเรา คุณอาจจะไม่มีของอะไรมาแบ่งปัน แต่ถ้าคุณมีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ แล้วคุณบอกว่าคุณมีพื้นที่มาแบ่งปัน ถ้าปันกันมีงานสามารถไปจัดงานในที่ของคุณได้ หรือคุณอาจจะไม่มีของ แต่คุณมีความสามารถ เช่น คุณพูดเก่ง มีทักษะในการพูด ถ้าวันไหนเราจัดงานแล้วคุณว่างพอดี คุณก็มาเป็นพิธีกรให้เราได้”

‘น้องได้ทุน คุณได้ของ’ ชวนส่งความสุข 2 ต่อช่วงปีใหม่ ที่ ‘ร้านปันกัน’ โดย มูลนิธิยุวพัฒน์

อะไรปันได้ อะไรไม่ควรเอามาปัน

“ถ้าถามว่าของอะไรที่เราได้รับแบ่งปันเข้ามามากที่สุด 80% ก็คือเสื้อผ้า ของที่คนเอามาให้เรามีทุกอย่าง ตั้งแต่เข็มหมุดเล็ก ๆ ไปจนกระทั่งของใหญ่ ๆ อย่างรถเบนซ์ ของบางอย่างที่เราอยากได้ แต่ไม่รู้ว่าจะไปหาซื้อที่ไหน บางทีก็บังเอิญมาเจอในร้านปันกัน

“บางครั้งที่นี่ก็เป็นหมือนขุมสมบัติ ที่คนสามารถจะมาหาของที่เจอแล้วเขารู้สึกเซอร์ไพรส์ รู้สึกว่ามันมีของแบบนี้ด้วยเหรอ อย่างเมื่อกี้มีน้องมาดูของในร้าน เขาก็ถามว่าอันนี้คืออะไร ปรากฏว่ามันคือ ‘ชุดเด็ก’ เป็นชุดแก้บนที่เขาเอาไปถวายต้นโพธิ์

“เมื่อปลายปีที่แล้วก็มีคนเอาแจกันจีนขนาดสูงท่วมหัวมาให้ เราก็เลยเอาไปวางใน ‘งานปันของใหญ่’ ซึ่งเป็นงานที่เราจัดขึ้นเพื่อรวมของใหญ่ที่ได้รับแบ่งปันมาไว้ในงาน ซึ่งจะมีของหลายอย่าง เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ รวมทั้งรถก็จะถูกนำมาปันอยู่ในงานนี้ ตอนแรกก็ไม่ได้มีใครสนใจไปดู แต่ปรากฏว่าพอจัดงานมาถึงวันสุดท้ายก็มีคนมาเอาแจกันใบนั้นไปจริง ๆ เราก็เลยเข้าไปถาม เขาก็บอกว่าเขาทำร้านอาหารอยู่ กำลังมองหาของตกแต่งร้านพอดี แล้วเขาก็บอกว่าแจกันนี้ไม่ใช่ของไม่ดีนะ มันเป็นของญี่ปุ่น แล้วราคาแบบนี้ก็หาที่อื่นไม่ได้

“หลายครั้งผู้หลักผู้ใหญ่บางคนที่เขารู้จักเราอยู่แล้ว เขาก็จะเอาของดี ๆ มาให้ เช่น กระเป๋าแบรนด์เนม แม้กระทั่งของที่เขารัก เขาหวง เขาก็เอามาให้ แล้วเขาก็ชวนเพื่อนมาแบ่งปันให้เราด้วย เพราะเขารู้ว่าของเหล่านี้มันจะถูกเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ที่บ้านเขามีกระเป๋าอยู่หลายใบ เก็บไว้เขาก็ไม่ได้ใช้ทั้งหมด แต่ถ้าเขาเอามาให้ปันกัน เขารู้ว่าของที่เขาเก็บไว้มันจะมีคนเอาไปใช้ แล้วมันก็จะไปส่งต่อโอกาสให้กับเด็ก ๆ ที่รอทุนการศึกษาอยู่ด้วย ถามว่าแล้วอะไรที่เราไม่รับ ก็พวกของที่ผิดกฎหมาย ของที่ติดลิขสิทธิ์ เหล้า บุหรี่ เราก็ไม่รับ อะไรที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของเด็กไม่ดี เราจะไม่รับเข้ามาในร้านปันกัน”

‘น้องได้ทุน คุณได้ของ’ ชวนส่งความสุข 2 ต่อช่วงปีใหม่ ที่ ‘ร้านปันกัน’ โดย มูลนิธิยุวพัฒน์

ของขวัญที่ ‘คุณค่า’ มากกว่า ‘มูลค่า’

“เราอยู่ในสังคมที่เป็นวัตถุนิยมกันมาก ๆ เวลาเราให้อะไรกับใคร เรามักจะเลือกจากมูลค่าของมัน แต่สิ่งที่ปันกันมีไม่ใช่แค่มูลค่าที่เป็นตัวเลข ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น เวลาปันกันเปิดขายของใหญ่ เรามีเก้าอี้สำนักงานที่ได้รับปันมาเยอะมาก ถึงจะไม่ได้ใหม่ แต่สภาพการใช้งานก็ยังดีอยู่ ตอนนั้นมีคุณลุงคนหนึ่งเขาเข้ามาดูแล้วก็ขอซื้อไปหมดเลย น่าจะประมาณ 30-40 ตัว เพื่อเอาไปบริจาคให้กับโรงเรียนที่ไม่มีเก้าอี้

“เขาบอกเราว่า ‘เก้าอี้มันแพงนะครับ แต่นี่ซื้อได้ตัวละ 50 บาท ตัวไม่มีพนักพิงก็ราคา 20 บาท ซื้อ 30 ตัว ราคาไม่กี่บาท เผลอ ๆ ค่าขนส่งเก้าอี้ไปจะแพงกว่าของอีก’ เราก็ถามว่าแล้วทำไมเขาไม่ซื้อของใหม่ไปเลย เขาบอกว่าเพราะเขารู้ว่าปันกันเอาเงินไปทำอะไร เราฟังแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเลย แล้วเขาก็บอกอีกว่าที่เขาอยากเอาเก้าอี้พวกนี้ไปให้ เพราะโรงเรียนจะได้ใช้จริง ๆ ถ้าเอาของใหม่ไปให้ โรงเรียนไม่ค่อยอยากได้ เขาเสียดายของ เขาอยากได้ของแบบนี้มากกว่า แต่เป็นของที่ดูแล้วแข็งแรงหน่อย

“ถ้าถามว่าให้เลือกของสักอย่างที่ร้านปันกันเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ควรจะเลือกอะไรดี ก็ต้องบอกว่าปันกันมีของหลากหลายมากเลย แล้วแต่ว่าคุณจะให้ใคร ป้ายที่ติดอยู่กับของแต่ละชิ้น เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแค่ป้ายบอกราคานะ แต่อยากบอกว่าการเลือกของชิ้นนี้ คุณได้ร่วมแบ่งปันไปแล้วเท่าไร ดังนั้น ถ้ามีคนเดินเข้ามาเลือกของขวัญที่ร้านปันกัน นอกจากของขวัญ สิ่งที่เขาจะได้กลับไปแน่ ๆ ก็คือความอิ่มใจ

“คำว่า ‘อิ่มใจ’ ฟังดูอาจจะเป็นคำที่เข้าใจยากนะ แต่ที่ปุ๊ยอยู่ปันกันมาเป็น 10 ปีได้ เพราะปุ๊ยอิ่มใจทุกครั้งที่ทำงาน ปุ๊ยรู้ว่าแรงที่ปุ๊ยลงไปทั้งหมดมันไม่ได้ไปเป็นรถเบนซ์ หรือเป็นโบนัสให้ใคร แต่มันจะเป็นทุนการศึกษา เป็นโอกาสให้คน มันช่วยทำให้สิ่งที่ไม่ถูกใช้ประโยชน์สำหรับคนคนหนึ่งไปมีชีวิตอยู่ในมือของคนอีกคน”

‘น้องได้ทุน คุณได้ของ’ ชวนส่งความสุข 2 ต่อช่วงปีใหม่ ที่ ‘ร้านปันกัน’ โดย มูลนิธิยุวพัฒน์

สร้างโอกาสในการเติบโต 

โครงการทุนการศึกษา โดย มูลนิธิยุวพัฒน์ ให้ความช่วยเหลือกับเด็กนักเรียนที่มีฐานะทางครอบครัวยากจนพิเศษ ซึ่งเด็กเหล่านั้นมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้เรียนต่อ หรือเสี่ยงที่จะลาออกกลางคันหากไม่ได้รับทุนการศึกษา ปีที่ผ่านมา (2567) ปันกันได้ระดมทุนการศึกษาเพื่อเด็ก ๆ ที่ขาดโอกาสได้จำนวน 10,680 ทุน เป็นเงินมูลค่ากว่า 74.7 ล้านบาท

“เด็ก 1 คนจะได้เงิน 7,000 บาท/ปี ถ้าเป็นเทอมก็คือเทอมละ 3,500 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้มันจะทำให้เขามีโอกาสไปเรียนต่อ แต่ไม่ได้แปลว่าเราเอาเงินให้เขาเป็นค่าเล่าเรียนนะ เพราะทุกคนรู้ว่าการเรียนหนังสือในระบบการศึกษาภาคบังคับของรัฐ เราไม่ได้เสียค่าเทอมอยู่แล้ว แต่เด็ก ๆ ก็มีค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ ที่ต้องใช้ เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ฯลฯ

“เด็กหลายคนที่เขาได้รับโอกาส เขาก็โตไปเป็นหมอ เป็นพยาบาล เป็นพนักงานในกลุ่มบริษัทพรีเมียม แต่เขาก็ยังกลับมาหาเรา เอาของมาให้ มาร่วมกิจกรรมกับเรา ซึ่งมันทำให้เกิดวงจรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เราแค่เป็นประตูในการสร้างโอกาสให้เขา และทำให้เขามั่นใจมากขึ้นว่าเขาสามารถเติบโตและไปต่อได้”

‘น้องได้ทุน คุณได้ของ’ ชวนส่งความสุข 2 ต่อช่วงปีใหม่ ที่ ‘ร้านปันกัน’ โดย มูลนิธิยุวพัฒน์

แฟรนไชส์แห่งการให้ 

“ปันกันเริ่มต้นมาในปี 2543 เราทำงานกันมาแล้ว 25 ปี ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเราเติบโตช้ามาก เพราะเราค่อย ๆ บอก ค่อย ๆ ทำให้ทุกคนเห็นว่าเราทำอะไร ของที่มีคนให้เรามามันเกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง สิ่งที่เราทำมันคือการเก็บเล็กผสมน้อย เรามาคิดตามคำพูดที่ผู้บริหารเคยบอกไว้ว่า การทำแบบนี้มันไม่มีใครเสียอะไรเลย จิตสำนึกในการแบ่งปันของผู้คนก็เกิดขึ้น ร้านเป็นเพียงแค่ห่วงโซ่หนึ่งเท่านั้น เรามีแค่คนที่มาช่วยทำ เงินที่ได้เราก็เอาให้มูลนิธิยุวพัฒน์ทั้งหมด ไม่หักแม้แต่บาทเดียว ส่วนค่าใช้จ่ายของปันกันมีผู้ใหญ่ใจดีช่วยสนับสนุน มันทำให้เกิดห่วงโซ่ที่เติมเต็มทุก ๆ อย่างได้เป็นอย่างดี

“ปุ๊ยเคยพูดกับน้องในทีมว่าอนาคตข้างหน้าเราอยากเห็นร้านแบบปันกันอยู่ทุกที่ ทุกสังคม ทุกชุมชนได้มีร้านแบบนี้ ทุกคนเอาของคนละอย่าง 2 อย่างมาแบ่งปัน เงินที่ได้อาจจะต้องหักค่าใช้จ่ายบ้าง เพราะไม่มีคนบริจาค แต่เงินที่เหลือมันไม่ได้ไปเป็นทีวี ไปเป็นรถเบนซ์ แต่จะเอาไปช่วยพัฒนาชุมชน หรือให้การศึกษากับเด็ก ๆ

“สิ่งที่ปุ๊ยอยากเห็นมากที่สุดในตอนนี้ คือ ‘ปันกันแฟรนไชส์’ เคยมีคนมาถามว่าเขาต้องจ่ายเงินเท่าไร ถึงจะได้แฟรนไชส์ ปุ๊ยบอกว่าขอข้าวปุ๊ยมื้อเดียวก็พอ คือไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เราไปทำให้ฟรี ๆ พาทีมลงไปซัปพอร์ต ไปหาที่ให้ เป็นพี่เลี้ยงให้ ดูแลจนเขาเปิดร้านได้ ตอนนี้ปันกันมีแฟรนไชส์ทั้งหมด 3 ที่ คือ นครราชสีมา ขอนแก่น และล่าสุดเพิ่งเปิดที่บุรีรัมย์ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนมาจากการที่ทุกคนมองเห็นประโยชน์ว่าปันกันทำอะไร แล้วเขาก็อยากทำบ้าง เพื่อทำให้ชุมชนของเขาแข็งแรงและมีโอกาสในการพัฒนามากขึ้น”

‘น้องได้ทุน คุณได้ของ’ ชวนส่งความสุข 2 ต่อช่วงปีใหม่ ที่ ‘ร้านปันกัน’ โดย มูลนิธิยุวพัฒน์

เริ่มแบ่งปันด้วยการบอกต่อ 

“ถ้าวันนี้ถามว่ามีของขวัญอะไรสักอย่างที่ปุ๊ยอยากได้ไหม ปุ๊ยจะบอกว่าคุณอาจจะไม่ต้องมาซื้ออะไรที่ปันกันเลยก็ได้ แค่คุณเข้าใจว่าเราทำอะไร แล้วคุณไปบอกต่อ ไปเล่าให้เพื่อนคุณฟัง หรือให้เรื่องนี้ได้เป็นอีกหนึ่งหัวข้อในวงสนทนาวันปีใหม่ สิ่งนี้เป็นเหมือน New Year’s Resolutions ของเรา

“ถ้าคุณก้าวเข้ามาในร้านปันกัน แล้วคุณเก็บโมเมนต์นี้ไปบอกต่อกับเพื่อน ๆ อีก 50 คน แล้วเพื่อน 50 คนของคุณที่ทำงานอยู่ใน 50 บริษัท เขาก็เอาเรื่องนี้ไปบอกต่อ คนอีก 50 บริษัทก็รับรู้ สิ่งที่มันกลับมาก็อาจจะเป็นของที่ถูกนำมาแบ่งปันให้ร้านปันกันตลอดทั้งปีก็ได้ เพราะสุดท้ายการได้เห็นผู้คนรู้จักการแบ่งปันมันก็คือสิ่งที่เติมเต็มปันกันได้ดีที่สุดแล้ว

ช่วงปีใหม่นี้ หลายคนอาจจะถือโอกาสเก็บบ้านให้สะอาดขึ้น ก็อยากจะชวนเอาของที่อาจจะไม่ค่อยได้ใช้แล้ว หรือเก็บไว้เฉย ๆ มาแบ่งปันให้ร้านปันกัน เพื่อเปลี่ยนของเล็ก ๆ เป็นโอกาสให้กับน้อง ๆ ปุ๊ยว่ามันจะเปลี่ยนความรู้สึกของเราว่าการให้มันก็คือการรับคือโอกาสที่คุณจะช่วยให้เด็ก ๆ เติบโตได้ ซึ่งโอกาสนั้นมันอาจเริ่มต้นมาจากจากแก้วน้ำ 1 ใบที่อยู่ในบ้านของคุณ

Credits

Authors

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ