‘แม่บังอร’ ผู้นำหญิงแห่งบ้านทับปลา พลิกวิกฤตชุมชน จากอาชีพหาปลาของบรรพบุรุษ สู่ตลาดออนไลน์ยุคใหม่

เมื่อหมู่บ้านทับปลา หมู่บ้านริมเขื่อนลำปาว ต.หนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ที่เคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลานานาชนิด ต้องเผชิญวิกฤติหนัก เนื่องจากเขื่อนลำปาวที่เปรียบเหมือนอู่ข้าวอู่น้ำนั้นมีจำนวนปลาลดน้อยลงและจับปลาได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ คนหาปลาเกือบทั้งหมู่บ้านมีหนี้สิน จนหลายคนต้องทิ้งอาชีพที่สืบทอดมาทั้งชีวิต เพื่อไปหาทางรอดใหม่ในต่างถิ่น นั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนให้ ‘แม่บังอร แดงรัตน์’ ต้องเปลี่ยนบทบาทจากคนหาปลามาเป็นผู้นำชุมชน เพื่อพาปลาและคนหาปลากลับบ้าน พร้อมกับสร้างรายได้ที่มั่นคงจากอาชีพหาปลาให้กับคนในชุมชน

ถึงทางเส้นนี้จะไม่ได้ราบเรียบหรือโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่แม่บังอรก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องทำให้ได้ แม้จะมีเสียงทัดทานมากมายจากผู้คนในชุมชนว่าผู้หญิงอย่างแม่บังอรจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 14 ปีแล้วที่ผู้นำหญิงอย่างแม่บังอรได้เข้ามาปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวบ้านทับปลาให้ดีขึ้น คืนแหล่งพันธุ์ปลาให้ชุมชน และทำให้คนรุ่นใหม่ ไม่ต้องจากถิ่นฐานไปทำงานไกล ๆ เพื่อหาเลี้ยงชีพ

‘แม่บังอร แดงรัตน์’ ผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านทับปลา ต.หนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์

จุดเปลี่ยน

“แม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ตอนอายุ 18 ปี ที่นี่เป็นหมู่บ้านอพยพ เมื่อก่อนปลามันเยอะมาก ก็เลยมีผู้คนจากหลายพื้นที่มารวมตัวกันอาศัยอยู่ที่นี่ เพราะที่แห่งนี้มีเขื่อนลำปาวที่เป็นเหมือนขุมทรัพย์และอู่ข้าวอู่น้ำของคนในชุมชน ชาวบ้านจึงยึดอาชีพหาปลาเป็นอาชีพหลัก เพราะเราไม่มีที่ไร่ที่นาทำกิน แต่ถึงแม้ว่าเราจะหาปลาได้เยอะ ต้นทุนมันก็สูง ซ้ำยังถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง

“หมู่บ้านทับปลาเป็นหมู่บ้านปิด ถนนหนทางไม่ดี ทำให้ไม่ค่อยมีคนอยากเข้ามา พอคนข้างนอกไม่เข้ามา เราก็ไม่รู้จะเอาของไปขายให้ใคร ยิ่งหา ยิ่งเป็นหนี้ เพราะเราต่างคนต่างหา ต่างคนต่างขาย ไม่มีการต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง ทำให้รายได้ไม่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงชีพ คนในชุมชนก็เริ่มออกไปทำงานที่ต่างจังหวัด ทำให้เหลือแต่คนแก่อยู่ที่บ้าน ไม่มีคนดูแล เราก็เลยคิดว่าทำอย่างไรเราถึงจะอยู่ได้

“แม่เองก็เป็นคนหาปลา แต่ยิ่งหา รายได้เราก็ยิ่งลดลง แล้วถ้าเราไม่ลุกขึ้นสู้ เราก็จะถูกกดอย่างนี้อยู่ตลอด​ แม่ก็เลยคิดว่า​ ถ้าแม่ได้เป็นผู้นำ แม่ก็คงจะนำพาคนในชุมชนก้าวเข้าสู่ความเจริญได้มากกว่านี้ มีการบริหารจัดการทรัพยากรมากกว่านี้ เพราะเราจะเป็นปากเป็นเสียงให้กับคนในชุมชนได้ แต่ถ้าเราเป็นแค่คนหาปลา เราก็คงไม่มีอำนาจที่จะไปต่อรองกับบุคคลภายนอก​ ไม่มีโอกาสได้เข้าถึงคนที่เขามีความรู้มากกว่าเรา และไม่มีโอกาสที่จะพัฒนาหลาย ๆ ด้านให้กับชุมชน แต่ถ้าเราได้เป็นผู้ใหญ่บ้านเราก็จะสามารถต่อรอง พูดคุย และเข้าหาหน่วยงานที่รับผิดชอบได้”

‘แม่บังอร แดงรัตน์’ ผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านทับปลา ต.หนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์

รวมกันเราอยู่

“ตอนแรกที่เราจะมาเป็นผู้นำ คนอื่นเขาก็ไม่ยอมรับ เพราะเขาคิดว่าเราเป็นผู้หญิง จะมาทำอะไรได้ ขนาดผู้ชายเขายังทำอะไรไม่ได้เลย แต่แม่คิดว่าถึงแม้เราจะเป็นผู้หญิง ไม่มีกำลังที่จะไปสู้ แต่เรามีศักยภาพ มีความรู้  แม่คิดว่าตัวเองรู้หลาย ๆ อย่าง เช่น รู้จักเข้าถึงบุคคลภายนอก รู้จักวิธีการปรับใช้ทรัพยากรในชุมชน รู้ว่าจะต้องเข้าหาหน่วยงานไหนในการแก้ปัญหา

“แม่สู้ทุกอย่างเพื่อที่จะได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่แม่ไม่ได้สู้เพื่ออำนาจนะ แม่สู้เพื่อคนในชุมชน เพื่อให้ชุมชนของเราได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน เข้าถึงสภาพแวดล้อมที่มันอุดมสมบูรณ์ ตอนนั้นแม่ขอโอกาสชาวบ้านในการเป็นผู้นำและพัฒนาหมู่บ้านสัก 5 ปี ถ้าแม่ทำไม่ได้ แม่ก็จะลาออก

“พอแม่ได้เป็นผู้นำ อย่างแรกที่แม่เข้ามาทำคือการบริหารจัดการเรื่องการหาปลา ตอนนั้นคนในชุมชนยังหาปลาแบบผิดกฎหมาย ใช้การช็อต การระเบิด แต่ถ้าเราทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แม่น้ำก็จะเหม็นเน่า ปลาของเราก็จะสูญพันธ์ุ เราจะรักษาทรัพยากรของชุมชนไว้ไม่ได้

‘แม่บังอร แดงรัตน์’ ผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านทับปลา ต.หนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์

“แม่อยากตั้งกลุ่มในหมู่บ้านจึงทำประชาคม เพื่อทำข้อตกลงในการอนุรักษ์กับคนในหมู่บ้านว่าเราต้องหาปลาอย่างถูกวิธี เริ่มแรกก็ต้องทำความเข้าใจกับชุมชนก่อน ซึ่งมันก็ไม่ง่าย เราต้องทำแนวเขตอนุรักษ์พันธุ์ปลา ทำคอนโดให้ปลาในช่วงฤดูวางไข่ กำหนดระยะเวลาห้ามหาปลาในฤดูวางไข่ และห้ามจับปลาในเขตอนุรักษ์ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ต้องใช้เวลาอยู่เป็นปีกว่าชาวบ้านจะเข้าใจและยอมรับ

“อย่างที่สองเรามีปัญหาเรื่องการกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง แม่ก็เลยตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนขึ้นมา รวมปลาของทุกคนมาขายในที่เดียวกัน เพื่อต่อรองราคากับพ่อค้าคนกลาง เมื่อก่อนเราขายไม่ได้ราคา เพราะเราต่างคนต่างหา ต่างคนต่างขาย แม่ก็เลยคิดว่าเราต้องมีการออมและรวมกลุ่มให้มาขายที่เดียว เพื่อทำให้เกิดการต่อรองราคา เมื่อก่อนเราขายกันแค่กิโลละ 5 บาท 8 บาท แต่พอเรารวมกลุ่มกัน เอาปลามาไว้ที่เดียวกัน ราคาก็เพิ่มขึ้นเป็นกิโลละ 15 บาท”

‘แม่บังอร แดงรัตน์’ ผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านทับปลา ต.หนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์

เพิ่มมูลค่าด้วยภูมิปัญญาการแปรรูป

“ตอนแรกที่เรารวมกลุ่มกัน รายได้ก็ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก แค่ขยับขึ้นมานิดหน่อย พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ ช่วงแรกเราก็ลองผิดลองถูกกันอยู่ แม่ก็ออกไปหาความรู้จากภายนอก ออกไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อนนำมาปรับใช้กับคนในชุมชน ถ้าเราจะซื้อมาขายไป เราก็คงจะไม่ได้กำไรเยอะ เพราะว่าต้นทุนเราเยอะอยู่แล้ว

“เรามีของดีอยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรให้คนข้างนอกได้รู้ ได้ลิ้มรสปลาของชุมชนทับปลา แม่ก็เลยคิดว่าถ้าเราขายอยู่ที่เดิม มันก็คงขายได้ไม่เท่าไร เราก็เลยเปลี่ยนจากการขายปลาสดนำมาแปรรูปเป็นปลาส้ม แล้วขยับราคาขึ้นมาอีก เพราะถ้าเราขายปลาสดเราจะได้กิโลละ 15 บาท แต่ถ้าเรานำมาแปรรูป เราจะขายได้กิโลละ 30 บาท

‘แม่บังอร แดงรัตน์’ ผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านทับปลา ต.หนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์

“เรื่องพวกนี้มันเป็นทุนเดิมของเราที่ทำกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แต่ตอนนั้นเป็นการทำกินกันในครัวเรือน เราก็เลยนำมาปรับให้ถูกปากคนทั่วไปมากขึ้น พอมีการแปรรูป รายได้เราก็เริ่มดีขึ้น เคยได้ยอดออเดอร์สูงสุดประมาณ 50,000 บาทต่อวัน แม่ก็รู้สึกดีใจนะที่ลูกค้าตอบรับ คนที่เคยซื้อไปแล้วเขาก็กลับมาซื้อซ้ำอีก

‘แม่บังอร แดงรัตน์’ ผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านทับปลา ต.หนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์

“พอเราเห็นคนอื่นเขาขายในออนไลน์ เราก็ต้องไปหาความรู้เพิ่มเติมแล้วนำมาปรับใช้กับชุมชน หาเด็กรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการขายออนไลน์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ติ๊กต็อก ทำให้ลูกค้ารู้จักผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ จากบ้านทับปลา และเข้ามาอุดหนุนเรื่อย ๆ จนประสบความสำเร็จถึงขั้นขายได้เป็นหลักหมื่นชิ้นต่อเดือน

“กระบวนการผลิตของเราไม่ได้ใช้เครื่องจักร แต่เน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เพื่อให้เขาเกิดรายได้มากขึ้น”

‘แม่บังอร แดงรัตน์’ ผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านทับปลา ต.หนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์

งานที่สร้างคุณค่า 

“การอนุรักษ์พันธุ์ปลาในชุมชนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง  คนหาปลาก็ขายปลาได้ราคา คนที่แปรรูปก็มีกำไรเพิ่มขึ้น เพราะเรามีการรวมกลุ่มซื้อขายไว้ในที่เดียวกัน บวกกับเราใช้วิธีหาปลาที่ถูกต้อง พอไม่มีการระเบิด เราก็ได้ปลาที่มีคุณภาพ ตัวปลาก็สด น่ารับประทานขึ้น

“ถ้าเปรียบเทียบเมื่อก่อนกับตอนนี้หลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปมาก เมื่อก่อนเราทำอาชีพหาปลา เราก็ได้แต่หาปลา แต่ตอนนี้คนในชุมชนสามารถมารับจ้างแปรรูปปลาได้ นำผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปแล้วมาขายออนไลน์ได้

ทุกวันนี้แม่ก็ยังไม่ได้หยุดที่จะออกไปหาความรู้ใหม่ ๆ เพื่อนำมาพัฒนา ต่อยอดให้กับชุมชนของเราอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าการเป็นผู้นำมันจะไม่ได้ทำให้แม่รวยล้นฟ้า แต่แม่ก็ภูมิใจที่ได้นำพาให้ชาวบ้านของเรามีชีวิตที่ดีขึ้น นำพาชุมชนก้าวผ่านวิกฤต ให้ลูกหลานของเราได้กลับมาดูแลผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชน จากเมื่อก่อนเด็ก ๆ เรียนจบกันแค่ชั้นประถม มัธยม แต่ตอนนี้ชาวบ้านหลายคนเขาก็มีกำลังที่จะส่งลูกเรียนถึงระดับปริญญาตรี บางคนได้เรียนหมอด้วย

สนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนได้ที่ : ส้มปลาแม่บังอร 

Credits

Author

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ