“ถ้าผมมีชีวิตที่ยาวแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ผมขอมีชีวิตที่สั้นแต่มีความสุขดีกว่า”
สรุปบทเรียนจากบันทึกสุดท้ายจากสมุดเบาใจของ “วิน ภาสวิน” นักวางแผนการเงินสู่นักวางแผนชีวิตในช่วงสุดท้ายวัย 14 ปี ใน มนุษย์ต่างวัย Talk EP.65
1. การใช้ “สมุดเบาใจ” เพื่อออกแบบการจากลา
เมื่อรู้ว่าร่างกายเริ่มไม่ไหว วินชวนคุณแม่คุยเรื่องความตายอย่างจริงจัง และใช้ “สมุดเบาใจ” เป็นเครื่องมือบันทึกเจตนารมณ์ของตัวเอง การทำเช่นนี้ช่วยให้ครอบครัวเข้าใจและตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในวาระสุดท้าย โดยไม่ต้องรู้สึกผิดหรือยื้อชีวิตอย่างไร้จุดหมาย
2. ความสุขคือหน่วยวัดคุณค่าของชีวิต ไม่ใช่เวลา
วินเชื่อว่าการมีชีวิตที่สั้นแต่มีความสุขดีกว่า การมีชีวิตที่ยืนยาวแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทำให้วินบันทึกความต้องการของตัวเองลงในสมุดเบาใจว่า
หากต้องอยู่ในสภาวะที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อยู่ในสภาพผักถาวร ,ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจไปตลอดชีวิต เขาเลือกที่จะไม่ต้องการอยู่ต่อ
3. เจตนารมณ์ทางการแพทย์และการยื้อชีวิต
วินต้องการรักษาอย่างเต็มที่แม้จะทุกข์ทรมานจากการใส่เครื่องพยุงชีพ แต่ไม่ต้องการถูกยื้อชีวิตนานเกิน 72 ชั่วโมง (3 วัน)
วินยอมรับการปั๊มหัวใจในเบื้องต้น และยอมรับการใส่ท่อช่วยหายใจ แต่เขาปฏิเสธวิธีการรักษาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตเช่น การเจาะคอ และ การล้างไต
4. การเตรียมตัวจากไปอย่างมีสติและสงบ
วินเลือกที่จะกลับไปเสียชีวิตที่บ้าน โดยได้ถามคุณแม่ตรง ๆ ว่า “ถ้าเขาอยากกลับบ้าน แม่กลัวไหม?” เมื่อคุณแม่ตอบว่าไม่กลัว เขาก็ตัดสินใจกลับไปเสียชีวิตที่บ้านตามที่ปรารถนา
วินได้มีโอกาสกล่าวคำขอขมาสุดท้ายก่อนเดินทางออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับบ้าน โดยได้ ยกมือขอขมา (ขอโทษ) คุณหมอและพยาบาลทุกคนที่เขาเคยดื้อหรือทำผิดพลาดไป และขออโหสิกรรมจากญาติและคุณแม่ที่บ้าน
วินได้ออกแบบงานศพของตัวเองเป็นธีม Bye Bye Win เพื่อเป็นงานอำลาและไม่อยากให้ทุกคนร้องไห้
วินสามารถพูดคุยและ มีสติรู้ตัวจนถึงนาทีสุดท้าย เขาบอกคุณแม่ว่า “มันถึงเวลาแล้วนะ” และจากไปอย่างสงบ
5. สมุดเบาใจคือเครื่องมือที่ทำให้ คนที่ยังอยู่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
บันทึกในสมุดเบาใจของวินกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ครอบครัวสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นตามความต้องการของวินจริง ๆ ช่วยให้ครอบครัวไม่ต้องรู้สึกผิด หรือยื้อชีวิตโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย
“แม่ยังรักเขาอยู่ คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็อยากให้เขาอยู่กับเราให้นานที่สุด เราต้องคิดว่าลูกเรามีโอกาสจะรอด วินพูดหลายครั้งว่าถ้ายื้อวินขึ้นมาแล้ววินทำอะไรไม่ได้ วินก็ไม่ได้มีความหมายที่จะอยู่ ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ และไม่มีความสุขที่จะอยู่ เราเลยเขาใจว่าเขาต้องการอะไร”
หนึ่งในบทเรียนหนึ่งที่วินทิ้งไว้ให้คือ ความสำคัญในการคุยกันเรื่องวาระสุดท้ายของชีวิต และการทำสมุดเบาใจ สมุดเบาใจเลยกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้ครอบครัวตัดสินใจได้ง่ายในช่วงเวลาที่ตัดสินใจได้แสนยากลำบาก ทำให้การจากด้วยความสง่างามตามรูปแบบที่เขาเลือกเอง
เพราะการวางแผนชีวิตไม่ควรจำกัดอยู่แค่เรื่องของอายุ แต่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับทุกช่วงของชีวิต แม้กระทั่งวาระสุดท้าย
และสิ่งที่สำคัญที่สุดของอีพีนี้คือ มนุษย์ต่างวัย อยากร่วมสานต่อเจตนารมณ์ครั้งสุดท้ายของวิน ในการเป็นส่วนหนึ่งเพื่อประชาสัมพันธ์การบริจาคและสนับสนุนการทำงานให้กับมูลนิธิรามาธิบดี

























