เราไม่ได้ทำธุรกิจเพียงเพราะหวังผลกำไร แต่ยังอยากให้คนไทยสุขภาพดี และพัฒนาคนทำงานให้เติบโตขึ้น – เมธินี สหะปิยะพันธุ์ ผู้บริหารบริษัท ที.ซี. ฟาร์มา – เคม จำกัด

“เราใช้งบประมาณในการพัฒนาบุคลากรมากถึง 30% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วไป แต่เราก็ต้องย้อนกลับไปที่เป้าหมายว่าเรากำลังทำธุรกิจเพื่อที่จะได้ผลกำไรในตอนสุดท้าย หรือเรากำลังทำเพื่อพัฒนาคน พัฒนาของที่มันมีคุณค่าจริง ๆ”

มนุษย์ต่างวัย คุยกับ ‘คุณบี’ เมธินี สหะปิยะพันธุ์ ผู้บริหารบริษัท ที.ซี. ฟาร์มา – เคม จำกัด บริษัทยาอายุกว่า 50 ปี ที่มีความตั้งใจอยากส่งมอบสุขภาพที่ดีให้กับคนไทย ไม่ให้ใช้ยาเกินความจำเป็น และไม่ได้ทำธุรกิจแบบเน้นแค่การเติบโตของยอดขาย แต่มีเป้าหมายคือการเติบโตของคนทำงานที่มีคุณภาพและรับรู้ถึงคุณค่าในชีวิตของตัวเอง

สิ่งสำคัญในการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของที.ซี. ฟาร์มา – เคม คือ ความเชี่ยวชาญ และความปลอดภัยของผู้บริโภค ใส่ใจในกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ผลกำไรหรือยอดขายแต่คือการตอบตัวเองได้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นกำลังสร้างประโยชน์อย่างไร

Health Beyond Medicine

แนวคิดของที่นี่ไม่ใช่การทำบริษัทยาที่มองว่าคนต้องป่วยเพื่อที่จะมากินยาเท่านั้น แต่ที่ ที.ซี. ฟาร์มา – เคม มองย้อนกลับไปถึงเรื่องสุขภาพ พวกเขามองว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยมีสุขภาพดีและแข็งแรง โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจถึงชีวิตประจำวัน มองว่าสาเหตุของปัญหาต่าง ๆ และที่มาที่ไปของอาการที่นำไปสู่การใช้ยาเป็นอย่างไร จึงทำให้ทางเลือกในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นั้นมีความเป็นไปได้หลากหลายแนวทางมากขึ้น

“ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่มีการนำเอาหลักการนี้มาใช้ คือ ชุดอุปกรณ์ล้างจมูกฮาชชิ (Hashi) วิธีการล้างจมูกในยุคก่อนเป็นวิธีที่เด็กไม่ชอบ หลายคนก็เกิดภาพจำที่ไม่ดีกับการล้างจมูก เพราะเราหวังผลเชิง functional แต่กลับทำให้เด็กเกิดแผลในใจ จนบางคนถึงกับกลัวการว่ายน้ำไปเลยก็มี เราเลยมาคิดว่าเราจะเอาเรื่อง functional กับ การออกแบบ มาใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์ ก็เลยทำให้รูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ออกมาดูน่ารัก เป็นการ์ตูนนิด ๆ เวลาที่เด็กใช้เขาก็จะไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกบังคับให้ล้างจมูก แต่รู้สึกเหมือนได้เล่นของเล่นไปด้วย

“การรักษาการป่วยมันไม่ใช่ว่าจะต้องมาจากถูกบังคับอย่างเดียว แต่คือการที่เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีและรู้สึกดีกับสิ่งนั้นด้วย มันก็เลยกลายเป็นว่าเวลาเราเจอโจทย์ เจอปัญหา มันเป็นความสนุกว่าเราจะเอาความครีเอทีฟมาแก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง”

สร้างทุกคนให้รู้สึกถึงคุณค่าและความเป็นเจ้าของงานร่วมกัน

ไม่ใช่แค่การพัฒนานวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เท่านั้น เพราะที่ที.ซี. ฟาร์มา – เคม ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคนทำงานให้เติบโตไปพร้อมกันด้วย พวกเขาเปิดโอกาสให้พนักงานทุกแผนกได้มีส่วนร่วมในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของบริษัท ซึ่งทำให้พนักงานรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์บางอย่าง และไม่ได้คิดแค่ว่าตัวเองมาทำงาน แต่มาเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าต่อการดูแลสุขภาพของคนไทยให้เกิดขึ้นจริง

“เวลาทำสินค้าใหม่ บางที่ก็จะมีแผนกย่อยในการทำหน้าที่นั้นไปเลย แต่ที่นี่เราจะเอาตัวแทนของแต่ละแผนกเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ในแผนพัฒนาสินค้าใหม่ โดยให้ทุกแผนกได้เข้ามาช่วยกันคิดตั้งแต่ต้น ไม่ใช่แค่ทีมขายหรือทีมการตลาดเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพราะมุมมองของแต่ละฝ่ายจะมาช่วยเติมเต็มกันและกัน พอเขาได้คุยกันแล้วมันสามารถต่อยอดไอเดียบางอย่างที่เรานึกไม่ถึง บางคนก็ได้ใช้พื้นที่ตรงนี้ดึงศักยภาพของตัวเองออกมาเพื่อทำงานให้สำเร็จ

“บางคนก็จะรู้สึกดีมากเวลาที่ผลิตภัณฑ์ถูกปล่อยออกมาสู่ตลาด เพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่ได้แค่มาทำงาน แต่เขามาทำสิ่งที่มีคุณค่าจริง ๆ แล้วเขาก็มั่นใจที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์นี้ให้กับที่บ้านหรือเพื่อน ๆ ของเขาใช้ เพราะเขารู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันมีประโยชน์”

ไอเดียดี ๆ ที่เริ่มที่คุณภาพชีวิตดี ๆ ของคนทำงาน

และการได้มาของไอเดียคุณภาพก็ต่อยอดมาจากสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย ที่ที.ซี. ฟาร์มา – เคม จึงให้การสนับสนุนในเรื่องของสวัสดิการเพื่อดูแลสุขภาพของพนักงาน ทั้งสวัสดิการอาหารเช้าและอาหารกลางวันที่ปลอดสารเคมี และปรุงจากวัตถุดิบคุณภาพ จากร้านที่เชื่อถือได้ในราคามื้อละ 30 บาท นอกจากเรื่องสุขภาพร่างกายก็ยังมีการจัดอบรมทางด้านจิตวิทยาและการฝึกสติให้กับพนักงานด้วย เพื่อให้ทุกคนเข้าใจธรรมชาติของตัวเองและเข้าใจคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น

“เราไม่ได้อยากจะบริหารธุรกิจแค่เพียงเพราะหวังผลกำไร หรือให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ แต่เรามองว่าเรากำลังพัฒนาคนอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้นในทุก ๆ วันที่เขามาทำงาน เราจะพัฒนาให้เขาเติบโตเพิ่มขึ้นไปได้อย่างไร

“เราจะชวนให้แต่ละแผนกทำโปรเจกต์อย่างน้อยปีละ 1 โครงการ เพราะเราอยากให้เขามีโอกาสได้ทำงานในบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างไปจากหน้าที่ประจำของเขา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาทรัพยากรบุคคลของเรา

“แผนกบัญชีเขาก็เลยคิดโปรเจกต์เรื่องการออมเงินขึ้นมา มีอยู่ปีหนึ่งที่ให้ทุกคนเก็บแบงก์ 50 และให้ลุ้นรางวัลจากเลขท้ายธนบัตรทุกสิ้นเดือน โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องเก็บแบงก์เหล่านั้นไปถึงสิ้นปี ทุกใบที่เก็บสามารถนำมาลุ้นเลขซ้ำได้ เดือนนี้ลุ้นไปแล้ว เดือนหน้าก็นำมาลุ้นได้อีก เพราะฉะนั้นยิ่งเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งมีโอกาสถูกรางวัลมากขึ้น

“หรืออีกโปรเจกต์หนึ่งคือการให้พนักงานไปเปิดบัญชีแล้วออมเงินให้เท่ากันทุกเดือน ถ้าออมไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ถอนออกมาเลยจนกระทั่งสิ้นปี พอครบกำหนดได้ดอกเบี้ยมาเท่าไร บริษัทก็จะสมทบเพิ่มเติมให้อีก 1 เท่า”

จากโครงการต่าง ๆ ทั้งหมดที่ผ่านมา ทำให้สุขภาพการเงินของพนักงานดีขึ้น จนหลายคนสามารถมีเงินเก็บได้ถึง 7 หลัก

“เราว่าทุกคนพร้อมจะทำให้ตัวเองดีขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดของมุมมอง และความรู้ที่มีอยู่ ณ ตอนนั้น อาจทำให้เขามองไม่เห็นว่าควรทำอย่างไร แค่เราไปช่วยเปิดทางนิดเดียว เขาก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลง”

สวัสดิการที่ดีที่สุด คือ การสร้างคนให้รู้วิธีสร้างความสุขอย่างยั่งยืน

“การสร้างคนทำงานให้สามารถค้นพบคุณค่าในงานและชีวิตของตัวเองได้ก็เป็นการทำงานที่มีความหมายของเราด้วย เราโอเคกับชีวิตแบบนี้แล้ว เราไม่ได้ทำเพื่อให้ได้โบนัสเยอะ ๆ หรือได้เงินเดือนมากกว่านี้ แต่เราคิดว่าเราเกิดมาทั้งที เราจะทำอะไรที่มันมีคุณค่าและสร้างประโยชน์กับคนอื่นได้บ้าง ที่ไม่ใช่แค่การทำเพื่อตัวเองคนเดียว

“การที่น้องบางคนเดินกลับมาบอกว่าเขามีมุมมองที่เปลี่ยนไป หรือมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเองเพิ่มมากขึ้น แล้วเขาก็ขอบคุณที่เราช่วยโค้ชและคุยกับเขา การได้เห็นคนเติบโตจากข้างในนี่แหละที่เป็นสิ่งที่ทำให้เราอิ่มใจและรู้สึกว่าเราเห็นผลลัพธ์จากสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดแล้ว

“การพัฒนาบุคลากรที่เริ่มต้นได้ง่าย และแทบจะไม่มีเรื่องงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้องเลย คือ ‘การฝึกสติ’ โดยเริ่มต้นที่ผู้บริหารก่อน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้พนักงานในองค์กรรู้สึกอยากทำตาม ถ้าทุกคนมีสติก่อนที่จะทำอะไรสักอย่าง มันจะค่อย ๆ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ซึ่งตรงนี้ไม่ต้องใช้เงินลงทุนอะไรเลย แค่ชวนกันมาทำ

“จริง ๆ แล้วในเวลาทำงาน ถ้าทุกคนมีสติอย่างเพียงพอมากขึ้น เขาก็สามารถจะดึงศักยภาพตัวเองออกมาได้แล้ว และปัญหาหลาย ๆ อย่างมันก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นด้วยตัวมันเอง การให้สวัสดิการที่สร้างความสุขแบบผิวเผินภายนอกมันไม่ยั่งยืน เช่น เราได้ของใหม่มา ความสุขมันก็อาจจะอยู่แค่สักพักหนึ่ง พอเราเสพสิ่งนั้นเป็นประจำมันก็จะเฉย ๆ แล้วเราก็ต้องเติมสิ่งใหม่ให้มากกว่าเดิม แต่ถ้าหากเราชวนให้ทุกคนกลับมาฝึกสติ เกิดการสะท้อนข้างในตัวเอง สิ่งนี้ก็จะทำให้เขามีความสุขจากข้างใน และพอทุกคนทำงานด้วยสติมันอาจจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายบางอย่างมากขึ้น ลดความผิดพลาดลง และกลายเป็นผลกำไรคืนกลับมาให้กับองค์กรด้วยซ้ำ”

ส่วนหนึ่งจากรายการมนุษย์ต่างวัย Talk กับประสาน อิงคนันท์ สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่นี่

Credits

Author

  • มนุษย์ต่างวัย

    Authorพื้นที่ถ่ายทอดเรื่องราวของสังคมสูงวัยในมุมที่สนุก สร้างสรรค์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทุกวัย

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ