จากผู้ป่วยมะเร็ง สู่ครูสอนพิลาทิส ‘กล้วย’ อิสรีย์ เฮอกลุนด์ วัย 54 ปี 

“การเป็นมะเร็งมันเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเรา มันทำให้เรารู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ และทำให้เราเลือกที่จะอยู่กับสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขจริง ๆ โดยมีพิลาทิสเป็นเหมือนตัวนำทาง

“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต เป็นเหมือนแผนที่ที่มันถูกกำหนดไว้แล้ว จริง ๆ เราอยากเป็นครูมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เมื่อ 40 ปีที่แล้วอาชีพครูมันไม่ได้มีมิติหลากหลายเหมือนในปัจจุบัน และตอนทำงานออร์แกไนซ์ เราก็เคยฝันว่าอยากเปิดฟิตเนส ชีวิตทุกวันนี้มันก็เลยเป็นเหมือนภาพที่สมบูรณ์แล้วสำหรับตัวเอง”

‘กล้วย’ อิสรีย์ เฮอกลุนด์

“เราคิดว่าพิลาทิสเป็นการออกกำลังกายที่มีประโยชน์ ถึงแม้อายุมากแล้วก็ยังสามารถออกกำลังกายแบบนี้ได้ อีกอย่างเราคิดว่าในอนาคตสังคมไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุ และพิลาทิสก็จะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า อย่างน้อยถ้าเราไปเรียน เราก็เอาความรู้กลับมาสอนคนใกล้ตัวและดูแลสุขภาพของตัวเองได้”

นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ‘กล้วย’ อิสรีย์ เฮอกลุนด์ วัย 54 ปี อดีตเจ้าของธุรกิจด้านออร์แกไนซ์ ตัดสินใจไปเรียนเป็นครูสอนพิลาทิส แต่ชีวิตก็เหมือนเล่นตลกกับเธอ เพราะทันทีที่เรียนจบหลักสูตร และสามารถสอบผ่านจนได้รับใบอนุญาตเป็นผู้สอนพิสาทิส เธอกลับตรวจพบว่าตัวเองป่วยมะเร็งเต้านม ถึงแม้ว่าตอนแรกชีวิตอาจเสียหลักไปบ้าง แต่ด้วยความเชื่อมั่นว่าตัวเองจะต้องหายดี เธอจึงฝึกพิลาทิสควบคู่ไปกับการรักษาโรคจนกระทั่งหายป่วย กลับมาแข็งแรง และกลับมาสานต่อความตั้งใจในการเป็นครูสอนพิลาทิสของตัวเองอีกครั้ง เธอเล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นในการเรียนเป็นครูสอนพิลาทิสว่า

“เราเรียนจบมาทางด้านโฆษณา ก่อนหน้านี้เราทำงานสายส่งเสริมกิจกรรมการตลาด แล้วมาเปิดบริษัทออร์แกไนซ์ของตัวเอง ทำอยู่แบบนั้นประมาณ 10 ปี วันหนึ่งก็เกิดคำถามกับตัวเองว่า เรารักอาชีพนี้มากพอหรือเปล่า อยากสู้ต่อไปไหม เพราะการทำธุรกิจมันก็ต้องเจอปัญหามากมาย เจอคนหลากหลาย และต้องใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา

“พอแต่งงาน มีครอบครัว ตอนนั้นก็เลยคิดว่าจะออกมาทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัว ดูแลสามี ดูแลลูก แต่ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดคือการเสียลูกจากอุบัติเหตุจากการตั้งครรภ์ ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตเป็นคุณแม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ หลังจากนั้นเราก็เริ่มใช้ชีวิต ท่องเที่ยว หาอะไรทำไปเรื่อย ๆ เราเป็นคนชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว พอไม่ต้องดูแลลูก เราก็เริ่มกลับมาออกกำลังกายแบบจริงจังมากขึ้น ลองฝึกโยคะ ฝึกพิลาทิส วันหนึ่งมีโอกาสได้ช่วยครูที่สตูดิโอสอนในคลาสโยคะ แล้วครูเขาคงเห็นแววว่าเราสอนได้ เขาก็เลยแนะนำให้เราไปเรียนเป็นครูสอนพิลาทิส

“ตอนแรกเราก็ลังเล เพราะค่าเรียนค่อนข้างสูง แต่เราก็รู้จักและชอบพิลาทิสมานานแล้ว เลยคิดว่าถ้าเราจะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างเป็นอาชีพอีกครั้ง มันต้องเป็นสิ่งที่เราจะอยู่กับมันไปได้ยาว ๆ เป็นสิ่งที่เรารักและสร้างรายได้ให้เราด้วย

“จากนั้นเราก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียน แล้วไปเจอรูปครูสอนพิลาทิสชาวสวีเดนที่เป็นผู้สูงอายุ แต่ยังมีสุขภาพแข็งแรง และสอนพิลาทิสให้คนหนุ่มสาวได้ มันเลยเป็นแรงบันดาลใจให้เราเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น และตัดสินใจว่าจะลองเต็มที่กับมันดูสักครั้ง ที่ผ่านมาเราคิดเรื่องเงิน เรื่องผลตอบแทนมาตลอด เวลาจะตัดสินใจอะไร เราก็เอาเรื่องรายได้เป็นหลัก แต่ตอนนั้น เราเอาความรักเป็นที่ตั้ง เพราะเราคิดว่าถ้าเรารักอะไร เราน่าจะทำมันได้ดี”

‘กล้วย’ อิสรีย์ เฮอกลุนด์

จุดเปลี่ยนของชีวิต 

“เราเริ่มต้นเรียนเพื่อเป็นครูสอนพิลาทิสตอนอายุ 46 ปี โดยเริ่มจากการเรียน Reformer Pilates ตอนนั้นมีหลายเรื่องที่ต้องปรับตัว เราต้องเผชิญกับความเครียด เพราะการเล่นพิลาทิสกับการเรียนเพื่อเป็นครูสอนพิลาทิสมันต่างกันมาก เราเป็นคนชอบออกกำลังกาย เราทำมันได้ดีมาตลอด แต่พอมาเรียนเพื่อไปสอน เราต้องเรียนตั้งแต่เรื่อง Anatomy ต้องรู้เรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาพื้นฐาน ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อน แล้วเราก็ไม่ได้เตรียมใจมาว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ เราต้องมานั่งท่องศัพท์ ต้องจำชื่อกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เวลาเรียนก็เรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ตาม ตอนนั้นเราคิดอย่างเดียวว่าเราจะต้องสอบให้ผ่านให้ได้

“แต่พอสอบผ่านหลักสูตรแรก เรากลับตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งเต้านม ตอนนั้นหมอที่ตรวจเจอคนแรกบอกว่าเราจะใช้แขนยกของหนักไม่ได้ เราฟังแล้วถึงกับสิ้นหวัง เพราะถ้าใช้แขนไม่ได้ก็เท่ากับว่าที่ทุ่มเทพยายามทำทุกอย่างทั้งหมดจนสอบผ่านมาได้มันก็สูญเปล่าไปเลย แต่ต่อมาหมออีกคนที่เป็นคนผ่าตัดและให้การรักษาเราบอกว่า เราสามารถใช้แขนได้ แต่ต้องใช้เวลาฟื้นฟู เราก็เลยใจชื้นขึ้น จากนั้นเราก็ค่อย ๆ ตั้งหลักดึงตัวเองกลับมา แล้วเข้ารับการรักษาตามกระบวนการ พร้อมกับออกกำลังกายและเล่นพิลาทิส เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพควบคู่ไปกับการรักษา เราคิดว่าการหายใจซึ่งเป็นพื้นฐานในการเล่นพิลาทิส มันช่วยให้เราได้รับออกซิเจนเข้าไปถึงระดับเซลล์ ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น เหมือนมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กระบวนการรักษาดำเนินไปด้วยดี ตอนนั้นเราต้องตัดเนื้องอกออกไปด้วย ทำให้ร่างกายทั้ง 2 ข้างของเราไม่สมดุล หลังจากผ่าตัดเราพยายามออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อช่วยให้ไหล่ไม่ติด จนถึงตอนนี้ร่างกายทั้ง 2 ข้างมันก็ยังไม่สมดุล แต่เราก็ดูแลตัวเองด้วยการเล่นพิลาทิสมาตลอด

“หลังจากรักษาตัวเสร็จ เราลังเลไปสักพักว่าเราจะยังสอนคนอื่นได้อยู่ไหม แต่เราคิดว่าเราตั้งใจไว้แล้ว ก็ต้องทำให้ได้ เราก็เลยกลับไปเรียนสอนพิลาทิสด้วยอุปกรณ์อื่น ๆ เพิ่มเติม เรียนไปเรื่อย ๆ จนครบทุกอุปกรณ์”

‘กล้วย’ อิสรีย์ เฮอกลุนด์

เรียน ‘พิลาทิส’ แบบตรงจุดและตรงใจ

“เราอยากเปลี่ยนมายด์เซ็ตบางอย่างเกี่ยวกับการออกกำลังกายที่หลายคนอาจคิดว่าเราออกกำลังกายเพื่อทำให้ตัวเองดูดี มีรูปร่างที่ดีเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วคนเราควรออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงมากกว่า เพราะทุกคนล้วนมีโครงสร้างทางร่างกายที่ต่างกัน เราควรเคารพความหลากหลายเหล่านั้น

“เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว เราเลยเริ่มเปิดสตูดิโอสอนพิลาทิสของตัวเองในชื่อ Lisa Pilates, Bangkok นักเรียนคนแรกของเราคือลูกสาวของเพื่อน เขามาเรียนเพราะมีปัญหากระดูกสันหลังคด เราค่อย ๆ สอนจนร่างกายเขาค่อย ๆ ดีขึ้น มันทำให้เรามั่นใจว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว

‘กล้วย’ อิสรีย์ เฮอกลุนด์

“พิลาทิสเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบของการใช้แรงต้าน สามารถเลือกฝึกในแบบใช้อุปกรณ์ หรือใช้แรงต้านจากร่างกายก็ได้ เวลาฝึกต้องจดจ่ออยู่กับกระบวนการเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนด้วยความตั้งใจ และต้องฝึกการหายใจไปพร้อม ๆ กันด้วย ดังนั้น นอกจากการฝึกพิลาทิสจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังเป็นการฝึกสมาธิเพื่อให้เกิดความสมดุลทั้งร่างกายและจิตใจด้วย

“ที่ Lisa Pilates, Bangkok เปิดสอนพิลาทิสทุกรูปแบบและทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Reformer, Cadillac, Stability Chairs และ Barrels หรือแม้กระทั่งการใช้เสื่อแค่เพียงผืนเดียวในการฝึก เราออกแบบโปรแกรมการเรียนให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมสำหรับผู้ที่อยากออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพ ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีข้อจำกัดเฉพาะทางด้านร่างกาย เช่น หัวไหล่ติด ข้อเสื่อม ฯลฯ หรือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายหลังการผ่าตัด รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว

“จุดเด่นของการเรียนพิลาทิสที่นี่ คือ การออกกำลังกายที่เหมาะกับปัญหาสุขภาพ หรือสภาพร่างกายเฉพาะบุคคล ทุกคนไม่จำเป็นต้องเล่นได้ทุกท่า แค่เล่นเฉพาะท่าที่เป็นประโยชน์กับตัวเองก็พอ

“การฝึกพิลาทิสมีประโยชน์ต่อชีวิตหลายอย่างมาก ทั้งสร้างความสมดุลให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วยให้เรารู้จักการจัดวางร่างกายอย่างถูกต้อง เพื่อลดการบาดเจ็บที่เกิดจากการออกกำลังกาย ช่วยในเรื่องของการฝึกการหายใจที่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อแกนกลางทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานประสานกันได้ดียิ่งขึ้น ช่วยบริหารกล้ามเนื้อมัดเล็ก ซึ่งอยู่ใกล้กับข้อต่อต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่พยุงร่างกาย ทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างมั่นคงและคล่องตัวมากขึ้น ช่วยป้องกันการหกล้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของผู้สูงอายุ นอกจากนี้ การฝึกพิลาทิสยังช่วยบริหารสมอง และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมด้วย”

ชีวิตที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้ 

“เราโชคดีที่มีโอกาสได้สอนนักเรียนหลาย ๆ รูปแบบ เช่น คนที่มีปัญหาเข่าเสื่อม คนที่บาดเจ็บกระดูกสันหลัง สิ่งเหล่านี้มันทำให้เราต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอด เพราะการที่เราจะทำได้ดี เราจะอาศัยแค่ประสบการณ์ไม่ได้ แต่เราต้องมีความรู้ด้วย การเป็นครูพิลาทิสทำให้เรากลายเป็นคนที่ขยันมาก ทุกวันนี้เรายังอ่านหนังสืออยู่ตลอด เพราะมันคืออาชีพที่ต้องดูแลสุขภาพของคนอื่น เราเลยต้องรู้ให้มากที่สุด เพราะถ้าเกิดความผิดพลาดก็จะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

“การที่เราไม่เคยหยุดเรียนรู้ ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง มันทำให้คนที่มาเรียนกับเราเขาสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ มองเห็นว่าเราสอนด้วยใจและให้โอกาสเราได้เป็นครูของเขา ช่วยดูแลสุขภาพให้เขา บางคนเราสอนเขามาตั้งแต่วันที่เขายกขาไม่ขึ้น จนทุกวันนี้เขาสามารถตีลังกากลางอากาศได้แล้ว

“บางคนเรียนด้วยกันหลายปีจนผูกพัน เวลามีปัญหาอะไร เจ็บปวดตรงจุดไหน เขาก็จะนึกถึงเรา นักเรียนบางคนถึงกับบอกว่าเราช่วยดูท่าทางต่าง ๆ ระหว่างการฝึกโดยละเอียดตั้งแต่สีหน้าไปจนถึงนิ้วเท้า เรามักจะได้รับฟีดแบ็กอยู่ตลอดว่าหลายคนมีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งฟีดแบ็กเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราใจฟู และมั่นใจในการสอนของตัวเองมากขึ้น”

‘กล้วย’ อิสรีย์ เฮอกลุนด์

ชีวิตที่เลือกแล้ว

“ตอนแรกที่ตัดสินใจว่าจะไปเรียนเพื่อมาสอน เรายังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทำได้ไหม สอนแล้วจะเป็นอย่างไร มันจะออกมาดีไหม เราแค่ทำเพราะมันเป็นสิ่งเรารัก จากวันแรกที่ตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ มันมีเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอด มันช่วยเติมพลังให้เรา และทำให้ชีวิตของเรามีความหมายมากขึ้น เราได้ใช้ความรู้เรื่องพิลาทิสดูแลสุขภาพตัวเอง และช่วยให้คนอื่นมีสุขภาพที่ดีขึ้น มันทำให้เรารู้ว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ตื่นขึ้นมาทำไม และเราก็อยากใช้ชีวิตเพื่อทำมันไปเรื่อย ๆ วันข้างหน้า ถ้าเราสอนคนเยอะ ๆ ไม่ไหว เราก็อาจจะขยับตัวเองไปเป็นที่ปรึกษา หรือให้คำแนะนำกับคนอื่นได้

“เราไม่เคยมองว่าอายุมันเป็นอุปสรรคในการทำอะไรเลย ถ้าอยากทำเราก็ทำ เราแค่มองเรื่องของความเป็นไปได้ว่าเราจะมีเวลาทำมันเท่าไรมากกว่า ถ้าเวลาของเรามีน้อยกว่าคนอื่น เราก็ต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้เรามีทางลัดมากขึ้น เราต้องพยายามให้มากขึ้น

‘กล้วย’ อิสรีย์ เฮอกลุนด์

“การสอบเป็นครูพิลาทิสมันเป็นอะไรที่ยากมาก เราก็มีช่วงที่ท้อใจนะ แต่เราคิดว่ามันก็เหมือนกับการว่ายน้ำ ถึงเรายังมองไม่เห็นฝั่ง แต่ถ้าเราพยายาม เราก็จะไปถึงฝั่งในสักวัน

“ทุกวันนี้ความสุขของเราคือการได้ทำในสิ่งที่รัก มีอาชีพที่สามารถดูแลตัวเองได้ และสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับคนอื่น สำหรับเราการเลือกเป็นครูพิลาทิสเป็นการเลือกที่ถูกต้อง และเราก็ได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา นับเป็นความโชคดีที่มันทำให้สุขภาพและชีวิตของเราดีขึ้น และมันก็สามารถทำให้ชีวิตของคนอื่นดีขึ้นด้วย

“จริง ๆ ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องเกษียณ เพราะการทำงานมันคือสิ่งที่ทำให้เรามองเห็นคุณค่าในตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งการทำงานในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการหารายได้ให้ชีวิตเท่านั้น แต่คือการรู้ว่าเราจะตื่นขึ้นมาทำอะไรในทุกวันพรุ่งนี้ที่เรายังมีชีวิตอยู่”

สำหรับใครที่อยากลองเริ่มต้นดูแลสุขภาพด้วยพิลาทิส สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Lisa Pilates, Bangkok 

Credits

Authors

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ