ปั้นพระชาวบ้านในแบบตัวเอง เมื่อพระพุทธรูปไม่ได้อยู่แค่บนหิ้งแต่อยู่ในชีวิต คุยกับ ‘อาจารย์เปิ้ล’ ผศ.ดร.ณัฏฐพงศ์ พรหมพงศธร แห่ง ISAN Cubism

“เวลาเราดูพระพุทธรูปสวย ๆ เราแทบจะไม่กล้าแตะต้อง เพราะมันสวยเกินไป เรารู้สึกว่าเราคงทำไม่ได้ แต่พอมาดูพระชาวบ้าน ที่เขาไม่ใช่ช่างฝีมือทักษะสูง ไม่ใช่ศิลปิน แต่เขาแค่สร้างงานตามความเข้าใจของตัวเอง ซึ่งมันมีความบริสุทธิ์ ใสซื่อ และจริงใจอยู่ในนั้น เรารู้สึกว่ามันน่ารัก และเราก็น่าจะทำได้

“ผมคิดว่างานของเราน่าจะเป็นตัวกลางหนึ่งที่ทำให้คนรู้สึกใกล้ชิดกับศาสนามากขึ้น และรู้สึกว่าการปั้นพระพุทธรูปเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่จับต้องได้ สร้างสรรค์ออกมาได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นศิลปิน หรือมีความรู้เรื่องศิลปะ แต่แค่สื่อสารออกมาในฐานะคนคนหนึ่งที่อยากบอกเล่าความรู้สึก หรือความศรัทธาในแบบของตัวเอง”

มนุษย์ต่างวัย คุยกับ ‘อาจารย์เปิ้ล’ ผศ.ดร.ณัฏฐพงศ์ พรหมพงศธร อาจารย์ประจำสาขาวิชาการออกแบบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และเจ้าของแบรนด์ ‘อีสาน คิวบิสม์’ (ISAN Cubism) แบรนด์เซรามิกที่ผสมผสานรากเหง้าแห่งศิลปวัฒนธรรมของชาวอีสานกับงานศิลปะสากลสไตล์คิวบิสก์ให้ออกมาอย่างลงตัว ด้วยความตั้งใจอยากถ่ายทอดเสน่ห์ความงามของศิลปะพื้นบ้าน และอยากสร้างงาน สร้างฐานอนาคตให้เด็ก ๆ ในพื้นที่ที่กำลังจะเติบโตเป็นศิลปินให้ไม่ต้องพลัดถิ่นไปทำงานไกลบ้าน

กว่าจะเป็น ‘อีสาน คิวบิสม์’

“ผมเป็นคนใต้ เรียนที่กรุงเทพฯ ไม่เคยมาอีสาน ไม่เข้าใจวัฒนธรรมของที่นี่ พอต้องมาสอนนักศึกษา ก็รู้สึกว่าการสื่อสารมันยังมีช่องว่างบางอย่างที่เราไม่เข้าใจ อีกข้อคือเราเกิดคำถามว่าถ้าเราสอนนักศึกษาด้วยศิลปะสากลเหมือนกับที่เราเรียนมา พอเด็ก ๆ จบไปแล้วเขาจะไปทำงานที่ไหน เพราะถ้าเราสอนให้เขาทำงานแบบที่อื่น งานที่ออกไปมันก็จะเหมือน ๆ กับคนอื่น แล้วเขาก็ต้องไปแข่งกับคนอื่นมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่อีสานมีของดีซ่อนอยู่เยอะมาก

“ปี 2566 เป็นช่วงที่นักศึกษารุ่นแรกที่ผมสอนกำลังจะเรียนจบ ผมก็เลยเริ่มหาข้อมูลที่ทำงานให้กับนักศึกษา แต่ก็ไม่เจอที่ที่ลงตัวเท่าไร และคิดว่าถ้าเขาจบไปแล้วไปสร้างงานเอง เขาก็คงจะสร้างงานง่าย ๆ เพื่อให้ขายได้ เราก็เลยรู้สึกเสียดายฝีมือเขา ประกอบกับมีเด็ก ๆ ที่เราพอเห็นแววว่าเขาน่าจะช่วยงานเราได้ ก็เลยคิดว่าเราน่าจะจ้างเขามาทำงาน เพราะเราก็มีงานที่เคยทำไว้ค่อนข้างเยอะ ก็เลยกลับมาสานต่องาน ภายใต้ชื่อแบรนด์ ‘อีสาน คิวบิสม์’

“2 เดือนแรก เป็นช่วงที่เราไม่มีรายได้เข้ามาเลย พอเข้าเดือนที่ 3 ผมก็เลยคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เลยลองโพสต์รูปพระพุทธรูปที่ปั้นไว้ลงในเฟซบุ๊ก ปรากฏว่ามีคนแชร์ไปค่อนข้างเยอะ ทั้ง ๆ ที่เพจเราร้างไปนานมาก วันต่อมาก็เลยโพสต์ขายไปเลย 100 องค์ และขายหมดภายใน 14 นาที แต่งานของเราเป็นงานที่ต้องใช้เวลาทำ กว่าจะได้ขายอีกรอบก็ต้องใช้เวลากลับไปผลิตชิ้นงานอีกหลายเดือน

“โชคดีที่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เรามีโอกาสนำแบรนด์เข้าร่วมประกวดในโครงการ Hero Brand Craft ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม และได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศกลับมา ทำให้เรามีโอกาสได้นำผลงานไปจัดแสดงที่ประเทศญี่ปุ่น งานที่เรานำไปจัดแสดงเป็นผลงานการออกแบบจานรองแก้วในลวดลายของ 12 ปีนักษัตร ที่ทำออกมาโดยใช้ลายขิดอีสาน ซึ่งมีคนมาดูงานเราและซื้อผลิตภัณฑ์กลับไปเยอะมาก

“การได้รับรางวัลในครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ต่อยอดทำหลาย ๆ อย่างมากขึ้น เช่น การทำสัญญาเพื่อนำงานไปวางขายกับไอคอนสยาม และสยามดิสคัฟเวอรี่ การได้ลงภาพผลงานในนิตยสาร Vouge Thailand ฉบับล่าสุด ฯลฯ ส่วนเรื่องเวิร์กช็อปสอนปั้นดิน และทำงานเซรามิก  ก็ยังเปิดรับอยู่ตลอด ถ้ามีคนสนใจและทักเข้ามา ก็พร้อมที่จะสอนให้

“ถึงแม้ว่าเราจะทำงานมาแค่ 2 ปีกว่า แต่เราทำงานทุกวัน ไม่เคยหยุด ตอนนี้เรามีผลิตภัณฑ์อยู่ประมาณ 100 กว่าอย่าง และเราก็สามารถทำมันให้ออกมาในเชิงอุตสาหกรรมได้แล้ว วันหนึ่งถ้าเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ทุกคนในทีมก็สามารถเอางานไปทำต่อได้ ส่วนตอนนี้ถ้ามีโอกาสอะไรเข้ามาก็จะคว้าไว้ และจะนำออเดอร์ออกสู่ตลาดออฟไลน์มากขึ้น ซึ่งมันอาจจะทำให้แบรนด์เติบโตต่อไปได้”

พระพุทธรูปที่ดูน่ารัก และทำให้คนรู้จัก ‘อีสาน คิวบิสม์’

“งานที่ได้รับความนิยม ทำให้คนรู้จัก และหล่อเลี้ยงแบรนด์เราได้ดีที่สุด คือ งานปั้นพระพุทธรูป ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ แทบทุกบ้านจะมีพระพุทธรูปอยู่ เรามองว่าพระพุทธรูปก็เป็นรูปแบบหนึ่งของผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ งานของเราสามารถเอาไปวางที่ไหนก็ได้ บนโต๊ะทำงาน บนชั้น ไม่จำเป็นต้องอยู่บนหิ้งพระ ไม่ต้องจุดธูป จุดเทียน ตั้งน้ำถวาย เป็นงานที่เห็นแล้วอุ่นใจ

“ช่วงแรก ๆ ที่งานออกมามีคนถามว่าเราทำงานอาร์ตทอยหรือเปล่า บางคนซื้อไปเขาก็บอกว่า จะเอาไปวางกับโดราเอมอน ซึ่งก็สามารถทำได้ ไม่ผิดอะไร แต่จริง ๆ แล้วเราไม่ได้ทำงานอาร์ตทอย แต่เป็นการจำลองลักษณะงานศิลปะของชาวบ้านที่เราไม่ค่อยได้เห็นที่อื่น และเราอยากซึมซับลักษณะหรือความรู้สึกในการสร้างงานของเขาไว้ เราไม่ได้ทำอาร์ตทอย แต่เราทำพระชาวบ้านในลักษณะของตัวเอง เพราะเราถือว่าเราก็เป็นชาวบ้านคนหนึ่ง พอเราทำงานเซรามิก เราก็เลยเลือกที่จะสร้างสรรค์งานจากการปั้นดิน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราถนัด

“มีคนเคยบอกผมว่าไม่ค่อยเห็นใครเอางานศิลปวัฒนธรรมอีสานมาทำเป็นชิ้นงานแบบนี้ มีคนบอกว่าเขาดีใจที่เห็นงานเรา บางคนก็บอกว่าเขาซื้อพระเราไป เพราะเคยเห็นพระของแม่แบบนี้ตอนเด็ก ๆ เขาอยากเอากลับไปที่บ้านเพื่อระลึกถึงแม่ มันกลายเป็นตัวแทนบางอย่างที่พาให้คนได้ย้อนกลับไปนึกถึงวิถีชีวิตในวันเก่า ๆ ได้”

ไม่ใช่แค่แบรนด์เซรามิก แต่คือวิถีชีวิตที่อยากให้เติบโตต่อ

“ผมอยากให้ ‘อีสาน คิวบิสม์’ เป็นเหมือนพื้นที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เด็ก ๆ เราอยากให้เขาไปต่อได้ แม้ในวันที่เราไม่ได้ทำแบรนด์แล้ว ผมดีใจที่เห็นว่าทุกวันนี้มีคนสนใจและเริ่มทำงานศิลปะท้องถิ่นอีสานมากขึ้น เรารู้สึกโดดเดี่ยวมานาน เพราะเราคิดแบบนี้มาเป็น 10 ปี คุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง พอวันที่มีคนเริ่มมาชมเรา ทำงานในแนวทางเดียวกับเรา เราก็รู้สึกว่าเรามีเพื่อน เพื่อนร่วมอาชีพ เพื่อนร่วมสร้างสรรค์งาน

“เมื่อก่อนคนอาจมองว่าศิลปะอีสานดูไม่อ่อนช้อย งดงาม เหมือนศิลปะที่อื่น ๆ เพราะชาวบ้านอีสานค่อนข้างมีความยากจน เครื่องไม้เครื่องมือที่เขาหาได้ ก็ไม่ใช่เครื่องมือที่ดีมาก มีอะไรใกล้ตัว เขาก็หยิบมาทำ บางครั้งก็หยิบมีดทำกับข้าวมาแกะเป็นพระ ทำให้งานที่ออกมามีความเรียบง่าย และไม่ได้มีกรอบอะไร

“อีกอย่างคือคนอีสานจะมีบุคลิกของความสนุกสนาน ทำให้งานมีความยืดหยุ่น และออกมามีความนอกกระแสมากกว่าภูมิภาคอื่น และด้วยพื้นที่ที่กว้างใหญ่ และห่างไกลจากการปกครองส่วนกลาง จึงทำให้ศิลปะอีสานมีความหลากหลายและยังคงลักษณะดั้งเดิมของงานชาวบ้านไว้ได้มากกว่างานภูมิภาคอื่น

“การสร้างแบรนด์ สร้างผลิตภัณฑ์ ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวผมหรือเด็ก 2 คนที่ทำงานกับผมเท่านั้น แต่มันเป็นการทำให้เด็กอีกหลายคนที่เรียนเซรามิกในอีสานได้มองเห็นทางไปต่อด้วย ในอนาคตถ้าเด็กอีสานได้ทำงานในพื้นที่ เขาก็ไม่ต้องออกไปทำงานไกลบ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นกำลังใจสำคัญให้เรามีแรงทำมันต่อไป”

สำหรับใครที่อยากลองลงมือปั้นพระชาวบ้านในแบบของตัวเองกับอีสาน คิวบิสม์ รอพบกับเวิร์กช็อปจากมนุษย์ต่างวัย ที่จะชวนทุกคนมาลองทำงานศิลปะไร้กรอบ และสร้างพระในแบบของตัวเองเร็ว ๆ นี้

ขอบคุณภาพจาก ISAN Cubism 

Credits

Author

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ