Volunteering 101 เรื่องเล่าจากคนทำงานอาสา ที่เชื่อว่าโลกนี้ยังไม่ไร้ความหวัง

เราเชื่อว่าทุกชีวิตต่างอยากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี สังคมที่ดี และโลกที่ดี เพราะสิ่งเหล่านี้จะนำพา ‘คุณภาพชีวิตที่ดี’ ให้เกิดขึ้นด้วย สิ่งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ใครหลายคนอยากเข้ามาทำงานอาสา เพราะหวังว่าจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่าเดิม ดังนั้น ความหวังอาจเป็นพลังที่ทำให้งานอาสาสมัครเกิดขึ้น

คำว่า ‘อาสา’ มีรากศัพท์มาจากคำว่า ‘อาสัง’ ในภาษาบาลี ที่แปลว่า ‘ความหวัง’ คนที่สละแรงกาย แรงใจ และเวลาเข้ามาทำงานอาสามักจะมาด้วยความหวังบางอย่างเสมอ เช่น หวังว่าโลกนี้จะดีขึ้น หวังว่าสังคมจะน่าอยู่มากขึ้น เพราะการเป็นอาสาสมัครไม่ใช่แค่การไปช่วยคนอื่น หรือไปช่วยโลกเท่านั้น มันยังเป็นการช่วยตัวเราเองด้วย

จากประสบการณ์กว่า 20 ปีในการทำงานอาสาสมัครของ อาจารย์เอเชีย ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ ผู้อำนวยการร่วมธนาคารจิตอาสา และคุณมิก พรทิพย์ ฝนหว่านไฟ กรรมการเลขานุการมูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา ที่ถ่ายทอดไว้บนเวที World of Volunteers หัวข้อ ‘Volunteering 101’ จากงาน ‘Sustrend 2026’ ณ พิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568

ทำให้เรามองเห็นว่ากระบวนการของการเกิดงานอาสาสมัครที่มีประสิทธิภาพนั้นล้วนเกิดขึ้นมาจากความต้องการแก้ปัญหาบางอย่างที่มีอยู่ในสังคม และการที่คนหลาย ๆ คนที่มีความหวัง และความเชื่อที่คล้ายกันมาร่วมกันทำบางอย่างก็ทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ และทำให้หลายคนที่เคยคิดว่าจะมาเพื่อให้ ได้รับอะไรกลับไปมากมายเช่นกัน

เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ เพราะให้ ‘การรับฟัง’

อาจารย์เอเชียบอกว่า ‘โลกไม่ได้เปลี่ยนผ่านการสร้างสิ่งของเท่านั้น แต่โลกเราเปลี่ยนผ่านการสร้างความสัมพันธ์ด้วย การรับฟังจึงเป็นงานอาสาอีกรูปแบบหนึ่ง และอาจารย์ยกตัวอย่างเรื่องราวที่ประทับใจว่า มีพี่อาสาคนหนึ่งเคยมาอบรมเรื่องการรับฟังอยู่หลายครั้ง แต่มีวันหนึ่งเขามาเล่าให้ฟังว่าตัวเองไปนั่งกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้า จู่ ๆ ก็ถูกผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาด่า มาต่อว่า เพราะว่าเห็นเขามีนกหวีดติดตัว ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่กระแสการเคลื่อนไหวทางการเมืองค่อนข้างแรง ตอนแรกเขาจะตอบโต้กลับไปแล้ว แต่นึกได้ว่าตัวเองเพิ่งไปเรียนเรื่องการฟังมา ก็เลยไม่ตอบโต้ และค่อย ๆ ชวนผู้หญิงคนนั้นมานั่งคุย สอบถาม และรับฟังเขา คุยไปคุยมายาวเกือบชั่วโมง สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นก็เปลี่ยนท่าทีไป แล้วบอกกับพี่อาสาว่า ‘ถ้าพวกนกหวีดเป็นแบบคุณหมด โลกนี้ก็คงจะดี’

สนามเรียนรู้ที่นำสิ่งที่ได้ออกมาใช้จริง

คุณมิกเล่าถึงความประทับใจต่ออาสาสมัครที่เคยมาทำงานกับมูลนิธิเครือข่ายพุทธิกาว่า มีอาสาสมัครคนหนึ่งที่เข้ามาเป็นอาสาสมัครอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาลตามคำชวนของลูกที่เข้ามาร่วมโครงการฯ เพื่อเก็บพอร์ตโฟลิโอ เธอได้เรียนรู้วิธีการรับฟัง การทำความเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของผู้ป่วย จนสามารถนำความรู้ที่ได้จากการทำงานอาสากลับไปใช้ดูแลคนที่บ้านและเชื่อมความสัมพันธ์กับหลานได้ ทุกวันนี้เธอทำงานอาสาฯ ในโรงพยาบาลต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว และตอนนี้ในระบบของธนาคารจิตอาสา งานอาสาอำนวยความสะดวกผู้ป่วยในโรงพยาบาล ก็เป็นงานอาสาที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้

รูปแบบของการเป็นอาสาสมัคร

อาสาสมัครมี 3 ประเภท คือ อาสามาเล่น ๆ อาสาสมัครเล่น และอาสามืออาชีพ

1. อาสามาเล่น ๆ คือ คนที่อาจไม่ได้ตั้งใจมา ถูกเกณฑ์มา หรือมาโดยไม่ได้คาดหวังอะไร แค่มาลองทำดูก่อนเหมือนมาลองชิมอาหารเรียกน้ำย่อย

2. อาสาสมัครเล่น คือ คนที่ตั้งใจเข้ามาทำงานอาสาด้วยความต้องการ ความหวังบางอย่าง หรือมีเป้าหมายในการทำงาน และมองเห็นประโยชน์ หรือสิ่งที่จะได้รับ

3. อาสามืออาชีพ คือ อาสาสมัครเล่นที่พัฒนาขึ้นจากประสบการณ์การทำงานจิตอาสาของตัวเองจนเชี่ยวชาญหรือถนัด บางคนอาจมาช่วยดูแลอาสาสมัครใหม่ หรือบางคนก็อาจไปตั้งกลุ่มหรือชมรมของตัวเองเพื่อทำงานอาสา และชวนคนอื่น ๆ มาร่วมด้วย

อย่างไรก็ตามการมาเล่น ๆ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความประทับใจและความสนใจที่จะมาเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์ในการทำงานอาสาต่อไปได้ เสน่ห์ของคนในสังคมไทย คือ จะมีคนที่มาแตะ มาชิม มาลองทำอยู่เรื่อย ๆ ถ้าเขาชอบและเห็นความสำคัญว่างานอาสามันช่วยแก้ปัญหาบางอย่างได้ เขาก็จะเริ่มคิดต่อว่าแล้วตัวเขาเองจะสามารถไปช่วยตรงจุดไหน อย่างไร ได้บ้าง

สิ่งสำคัญในการทำให้อาสามาเล่น ๆ และอาสาสมัครเล่นเปลี่ยนเป็นอาสามืออาชีพได้  คือ การออกแบบกระบวนการเรียนรู้ให้อาสาสมัครขององค์กรผู้จัดงานที่จะต้องสร้างบรรยากาศ สร้างวัฒนธรรม ให้คนที่เข้ามาเป็นอาสาสมัครสัมผัสถึงสิ่งที่เขาจะเรียนรู้ได้ และต้องมีการถอดบทเรียนหลังจบกิจกรรมด้วย เพราะมันคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คนที่เขาไปทำกิจกรรมมองเห็นผลลัพธ์ของการมาทำงานอาสาได้ชัดเจนขึ้น

ตราบใดที่เราไม่ยึดโยงงานอาสาสมัครกับปัญหาสังคม งานมันจะดูลอย ๆ เวลาไปชวนคนอื่นมาทำก็จะตอบคำถามเขาไม่ได้ว่าจะทำไปทำไม แต่ถ้าเรายึดโยงงานอาสากับปัญหาสังคม มันจะเห็นเส้นทางที่ชัดเจนว่า การที่เขาพาตัวเองเข้ามาทำงานนั้น มันสามารถไปช่วยตรงจุดไหน อย่างไรได้บ้าง จะทำให้เขารู้สึกถึงคุณค่าของตัวเอง

คนบางคนอาจมีพลังและความหวังที่อยากจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้อยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่อาจต้องการแค่ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีและไม่ได้แคร์เรื่องพวกนี้มากนัก อีกทั้งคนเราก็มีความสนใจที่ต่างกัน จึงต้องมีช่องทางหรือตัวเลือกที่หลากหลาย เพื่อทำให้ทุกคนได้เจอเส้นทางที่เหมาะกับตัวเอง

ธนาคารจิตอาสาเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่เป็นเหมือน One Stop Service ที่จะช่วยให้คนที่สนใจได้มาชอปปิง หรือเลือกงานอาสาในแบบที่ตัวเองชอบ รวมทั้งสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสมัครเข้าร่วมกิจกรรมผ่านช่องทางนี้ได้เลย

Credits

Authors

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ