“อามุ๋ย” ความลับในรอยสักที่เกิดขึ้นครั้งแรกในวัย 50+

เคยคิดไหมว่ารอยสักครั้งแรกของเราจะเกิดขึ้นตอนอายุเท่าไหร่ ? แล้วเราสักมันเพราะอะไร ?

สำหรับหนุ่มสาวสมัยนี้ การมีรอยสักย่อมเป็นเรื่องธรรมดาแถมยังไม่ต้องปิดบังไว้ใต้ร่มผ้าเหมือนในอดีต แต่อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนวัย 50 ที่คิดจะเริ่มมีรอยสักครั้งแรก

มนุษย์ต่างวัยขอพาไปรู้จักกับ “คุณยี” วันเพ็ญ ชัยบุญญลักษณ์ อายุ 58 ปี เจ้าของลายสักสุดเท่ กับการเริ่มต้นสักครั้งแรกในชีวิตในวัย 50+

“ในยุคก่อน คนมีรอยสักจะถูกมองด้วยความรู้สึกต่างไปจากตอนนี้ ตอนนั้นคนมักมองว่าใครที่มีรอยสักต้องเป็นมาเฟีย นักเลง หรือคนที่อยู่ในคุก เราเองก็เกิดในครอบครัวคนจีน ที่ผ่านมาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกเต็มเวลามาตลอด บางครั้งก็ไปวัดกับเพื่อน ๆ การสักจึงไม่เคยมีอยู่ในความคิดมาก่อนเลยทั้งชีวิตจนกระทั่งวันที่อามุ๋ยตาย

“อามุ๋ยคือหมาตัวหนึ่งที่เราเลี้ยงไว้ เขาอยู่กับเรามาเป็นสิบปี ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย แม้ในวันที่น้ำท่วมกรุงเทพฯ สมาชิกในครอบครัวต้องแยกย้ายกันไปหมด แต่เรากับอามุ๋ยยังอยู่ด้วยกันตลอด

“บางคนอาจมองว่าอามุ๋ยเป็นแค่หมาตัวหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นทั้งชีวิตของเราเขาคือคนสำคัญรองจากพ่อแม่ เขาเป็นทั้งครู เป็นทั้งเพื่อน และเป็นสมาชิกในครอบครัว เราทั้งคู่ผูกพันกันมากและเขาส่วนหนึ่งในการเติมเต็มชีวิตในช่วงบั้นปลาย

“วันหนึ่งอามุ๋ยจากไปอย่างกะทันหันโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นพ่อเพิ่งเสียไป และไม่นานแม่ก็มาเสียตามไปอีกคน ในช่วงนั้นเราเจอการสูญเสียติดต่อกันหลายครั้ง พอคนที่เรารักจากไปหมด บอกตรง ๆ ว่าวันที่ไม่มีเขา เราแทบอยู่ไม่ได้ การสูญเสียครั้งนี้ทำให้รู้สึกเหมือนโลกถล่ม ติดอยู่กับความเศร้าจนเกือบจะเป็นกลายเป็นโรคซึมเศร้า

“เราคิดมาตลอดว่าอยากเก็บอามุ๋ยไว้ในความทรงจำ เราไม่อยากลืมเขา และกลัวว่าถ้าแก่ตัวไปกว่านี้จะหลงลืมและจำเขาไม่ได้อีกต่อไป ตอนนั้นคิดหลายอย่างว่าจะทำอะไรดี เพราะเราเป็นคนไม่ชอบเขียนบันทึก ไม่ชอบการถ่ายรูป และอามุ๋ยก็เป็นหมาที่ไม่ชอบถ่ายรูปเหมือนกัน พอเขาเห็นกล้องจะหันหนีทันที มันทำให้เรามีรูปเขาน้อยมาก จนวันหนึ่งเราเห็นรุ่นน้องที่รู้จักกันมีรอยสัก เลยคิดว่าถ้าสักรูปอามุ๋ยไว้ก็น่าจะดี เราจะได้ไปไหนมาไหนด้วยกันทุกที่เหมือนมีเขาอยู่ด้วยตลอดเวลา

“ตอนที่จะตัดสินใจสักเราไม่มีความลังเลเลย วินาทีที่เข็มลงไปที่แขน เรายังอยู่ในช่วงเวลาที่ยังคิดถึงเขามาก พอรอยสักเสร็จสมบูรณ์ มันเหมือนเราได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง ได้เห็นเขามองตาเรา และรู้สึกว่าเขามีชีวิต มันทำให้มีความสุขมาก

“จากนั้นก็เริ่มสักรูปอามุ๋ยรูปที่สอง และตามด้วยรูปพ่อแม่ มันยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนพวกเขายังอยู่กับเราตลอดเวลา ไปไหนไปด้วยกัน จะทำอะไรก็ยังนึกถึงพวกเขาอยู่ตลอด หลายครั้งที่มีเรื่องราวในใจ พูดให้ใครฟังไม่ได้ เราก็จะพูดกับพวกเขา มองไปที่รอยสักก็เหมือนเขายังอยู่กับเรา ไม่เคยจากไปไหน

“แม้ว่าครั้งแรกที่สัก ยังกังวลกับครอบครัวบ้าง ต้องเลือกตำแหน่งที่คิดว่าแม่จะมองไม่เห็น แต่จริง ๆ แล้วครอบครัวเราเข้าใจทุกอย่าง ลูกยังทักเลยว่าแม่เท่มาก ตอนนี้เวลาออกมาข้างนอกก็เริ่มมีคนเข้ามาทักรอยสักของเรา โดยเฉพาะพวกคนหนุ่มสาว เขาบอกว่าชอบมาก ถ้าอายุเยอะแล้วอยากเป็นเหมือนเรา มันทำให้เรารู้สึกชุ่มชื่นหัวใจและความเป็นตัวของตัวเองเริ่มค่อย ๆ กลับมาอีกครั้ง

“แต่บางครั้งก็คนไม่รู้จักมองเหมือนกัน ดูเหมือนเขาไม่กล้าเข้าใกล้ แต่เราไม่เคยสนใจเลย เพราะสำหรับเราแล้ว รอยสักนี้มันเป็นสิ่งที่มีความหมายมากกว่าสายตาของคนอื่น และยิ่งสำหรับใครที่อายุเยอะแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำเลย ถ้ามันคือความสุข เพราะมันคือร่างกายของเรา”

“จากวันนั้นจนวันนี้ก็มีลายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิด จนเต็มแขน เหมือนที่ช่างแซวตอนแรกเลยว่าคนที่สักครั้งแรกจะมีครั้งต่อไปแน่นอน” คุณยีกล่าวทิ้งท้ายพร้อมเสียงหัวเราะ

Credits

Authors

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ