งานศิลปะที่จับพลัดจับผลูเหมือนกับชีวิตของ “ต้อย-นพไชย อังควัฒนะพงษ์” ศิลปินรุ่นใหญ่วัย 66 ปี

มนุษย์ต่างวัยชวนเพื่อน ๆ ไปเดินชมงานนิทรรศการ “แถ (JIVE)”  ผลงานล่าสุดของ “พี่ต้อย-นพไชย อังควัฒนะพงษ์” ศิลปินวัย 66 ปี ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับความสูญเสีย ความเปลี่ยนแปลง และการเริ่มต้นใหม่ จัดแสดงที่ VS Gallery ตั้งแต่วันนี้-17 สิงหาคม 2568

นพไชย อังควัฒนะพงษ์

หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตาพี่ต้อยในบทบาทนายแบบรุ่นใหญ่ที่มนุษย์ต่างวัยเคยนำเสนอไป แต่เรื่องราวของเขาไม่ได้เริ่มต้นตรงนั้น ก่อนหน้านั้น พี่ต้อยเป็นทั้งอาจารย์และศิลปินที่สร้างสรรค์งานศิลปะอย่างต่อเนื่อง นิทรรศการของเขาถูกจัดแสดงเป็นระยะ เพราะทั้งเขาและภรรยาต่างทำงานศิลปะร่วมกันมายาวนาน เมื่อภรรยาเสียชีวิต พี่ต้อยจึงเว้นว่างจากการทำงานศิลป์ หันไปลองทำสิ่งใหม่อย่างการเป็นนายแบบ เพื่อเปลี่ยนบริบทชีวิตและเยียวยาหัวใจจากความเศร้า

แม้จะห่างจากผลงานศิลปะในช่วงหนึ่ง แต่ศิลปะก็ยังเป็นพื้นที่ปลอดภัยและเป็นภาษาที่เขาใช้ถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีที่สุด อย่างเช่นในปี 2024 เขาได้จัดนิทรรศการ A Million Little Odd Things, the Last Promise, and One Big Picture เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของภรรยา ถ่ายทอดความรัก ความผูกพัน และช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตที่ทั้งสองได้ดูแลกันและกันอย่างลึกซึ้ง

และในปีนี้ พี่ต้อยกลับมาจัดนิทรรศการอีกครั้งในชื่อ “แถ (JIVE)” คราวนี้ไม่ใช่เพื่อเล่าเรื่องราวของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการนำหลอดไฟนีออน ที่เรามักเห็นตามป้ายร้านค้าสมัยเก่า เหลือใช้มาดัดแปลงใหม่ ให้มีรูปร่างต่าง ๆ แตกต่างจากเดิม ซึ่งเป็นการทดลองทางศิลปะที่เขาอยากให้ผู้ชมแต่ละคนที่ก้าวเข้ามา ได้ตีความจากสิ่งที่เห็นและรู้สึกด้วยตนเอง ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีกรอบความหมายตายตัว มีเพียงพื้นที่ว่างให้จินตนาการเดินทางอย่างเสรี

งานศิลปะของพี่ต้อยในครั้งนี้ อาจเปรียบได้กับชีวิตของเขาเอง  ที่จับพลัดจับผลู ไม่เป็นเส้นตรง เต็มไปด้วยการทดลอง การล้มแล้วลุก และการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สิ้นสุด แต่ในความไม่แน่นอนนั้น ก็ยังมีความงดงามบางอย่าง ที่ค่อย ๆ เผยตัวให้เห็นอยู่เสมอ

งานศิลปะที่จับพลัดจับผลูเหมือนกับชีวิตของ "ต้อย-นพไชย อังควัฒนะพงษ์” ศิลปินรุ่นใหญ่วัย 66 ปี

ของเก่าที่หมดคุณค่า ผ่านความงามของเวลา และถูกกลับมาสร้างคุณค่าใหม่

คำว่างานศิลปะมักจะสะท้อนตัวตนของคนทำงาน เป็นคำที่ไม่เกินจริงเท่าไหร่นัก เมื่อได้ยินพี่ต้อยเล่าคอนเซปของการจัดงานครั้งนี้ให้เราฟัง

“ที่เห็นทั้งหมดนี้เรียกว่า Neon Art เป็นการนำหลอดนีออนมาเล่าเรื่อง ตัดแปลงเป็นรูปทรงต่าง ๆ หลอดนีออนพวกนี้ สมัยก่อนเป็นที่นิยมมาก ก่อนจะมีป้ายแบบ LED พวกร้านค้า ร้านหาอาหาร ร้านทองจะนิยมนำมาทำป้าย แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปของบางอย่างก็หมดคุณค่า ผมจึงอยากหยิบสิ่งนี้มาตีความใหม่ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นความงามของเวลาและเป็นสัญลักษณ์ของอะไรบางอย่าง

“งานชิ้นนี้จึงมีความยากตอนที่ทดลองมากกว่า ผมทดลองไปกว่า 18 ชิ้น แต่เอามาจัดแสดงจริง 8 ชิ้น ได้แก่ Raindance, LEAP, Twin Flame Household, In Our Life, Take One, Lil’G และ Pablo’s ผมใช้ความร้อนมาดัดแปลงหลอดนีออนใหม่ ตอนแรกมันมาแบบหงิก งอ ผมเอามาดัดให้ตรงด้วยความร้อนและข้อจำกัดของร่างกายที่มาจากวัย ทำให้เราไม่สามารถทำงานในชิ้นที่ใหญ่กว่านี้หรือเยอะกว่านี้ได้ เพราะไม่สามารถนั่งนาน ๆ เพื่อทำงานได้เหมือนตอนวัยหนุ่มอีกแล้ว

“ผมว่างานที่ออกมามันสะท้อนตัวเราโดยไม่รู้ตัว  จากที่เรารู้สึกว่าเราหมดความมั่นใจไปตั้งแต่ภรรยาเสีย เหมือนที่พูดในคลิปของมนุษย์ต่างวัย อันนี้มันเหมือนเราได้ฟื้นฟูสิ่งที่มันจะพังไปแล้วให้กลับมามีชีวิต และมีความหมายในแบบของมันอีกครั้ง”

งานศิลปะที่จับพลัดจับผลูเหมือนกับชีวิตของ "ต้อย-นพไชย อังควัฒนะพงษ์” ศิลปินรุ่นใหญ่วัย 66 ปี

ไม่มีข้อความกำกับ ไม่มีคำอธิบายว่าแสงแต่ละหลอดหมายถึงอะไร มีเพียงพื้นที่ว่างให้จินตนาการเดินทางอย่างเสรี และให้ใจของแต่ละคนเลือกความหมายของมันเอง

ในระหว่างที่พี่ต้อยกำลังพาเราเดินชมนิทรรศการอยู่นั้น พี่ต้อยเล่าว่าตอนที่ทำงานนี้เขาสังเกตเห็นบางอย่างที่เกิดขึ้นในหลอดไฟนีออน

“ผมทำงานที่เกี่ยวกับหลอดไฟนีออนมาหลายครั้งแล้ว แต่มันก็มีบางจุดที่ผมมองข้ามไป พวกเรื่องเส้น แสง ที่เกิดขึ้นในหลอด อย่างเช่นงานชิ้นนี้ ตอนนี้คุณเห็นว่ามันมี 2 สีอยู่ในหลอดเดียวกัน คือสีน้ำเงินและสีแดง ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น แต่มันเกิดขึ้นเอง และมันเกิดขึ้นแต่ละครั้งไม่ซ้ำกันเลย

“ภายในหลอดไฟนีออนมันมีความร้อนสูงมาก ๆ มันถึงจะเปล่งแสงออกมาได้ มันร้อนจนไฟกลายเป็นสีน้ำเงิน และค่อย ๆ ไล่กินพื้นที่สีแสดง ผมรู้สึกเหมือนว่า 2 สีนี้กำลังต่อสู้กันอยู่ มีคนมาดูแล้วสะท้อนให้ฟังกว่าเหมือนสถานการณ์ทางการเมืองที่มีตัวแทน 2 สีกำลังต่อสู้กันอยู่ ผมก็ขำ คนก็ตีความกันไปต่าง ๆ นานา ตามประสบการณ์ที่ตัวเองเคยเจอมา

“นิทรรศการครั้งนี้ ผมไม่อยากให้ความหมายของมันมาก ปล่อยให้วัตถุและแสงที่เปล่งออกมา สื่อความหมายด้วยตัวมันเอง”

แสงที่บิดเบี้ยวไปตามสภาพของมัน กลายเป็นเสน่ห์อีกแบบหนึ่งเหมือนชีวิตที่ไม่อาจวางแผนทุกอย่างให้ตรงตามต้องการ เขานำหลอดไฟเหล่านี้กลับมาประกอบสร้างใหม่ในรูปแบบที่แตกต่าง เปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้เดินเข้าไปเงียบๆ มอง และรู้สึก

งานศิลปะที่จับพลัดจับผลูเหมือนกับชีวิตของ "ต้อย-นพไชย อังควัฒนะพงษ์” ศิลปินรุ่นใหญ่วัย 66 ปี

งานศิลปะที่จับพลัดจับผลูเหมือนกับชีวิต

“งานนี้มันเลยเหมือนการจับผลัด จับผลูเหมือนกัน มันไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในหลอด ตอนเปิดไฟช่วงแรกเราจะเห็นสีนี้ ซักพักก็เปลี่ยนสี แต่ละครั้งที่เปิดก็จะไม่เหมือนกัน”

“ถ้าการเป็นนายแบบเปรียบเหมือนชีวิต ซีซัน 2 การกลับมาเป็นศิลปินของผมนับเป็นซีซัน 3 ก็แล้วกัน แม้ว่าจริง ๆ ผมทำงานศิลปะอยู่ตลอดแต่ว่าไม่ได้อยู่ในรูปแบบแกลลอรี่ มันอยู่ในจิตวิญญาณนั่นแหละ อย่างการเดินแบบ การโพสต์ภาพ หรือการแต่งตัวก็นับเป็นงานศิลปะสำหรับผม”

นิทรรศการ “แถ (JIVE)” ไม่ใช่แค่งานศิลปะ หากแต่เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่แฝงไปด้วย ตัวตนของพี่ต้อย ทั้งเรื่องราว ความทรงจำ สิ่งที่ผ่านพบ และมุมมองใหม่ ๆ ที่ก่อร่างขึ้นหลังจากชีวิตเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

แม้จะเคยเผชิญกับความสูญเสีย เจ็บปวด หรือการหยุดชะงักบางอย่างในชีวิต แต่พี่ต้อยก็ยังคง เดินหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง เขายังกล้าทดลอง ยังเปิดใจทำสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของนายแบบ หรือการทำงานศิลปะ

และในแสงนีออนที่กระพริบติด ๆ ดับ ๆ แสงที่ไม่เสถียร ไม่สมบูรณ์แบบ กลับมีพลังบางอย่างที่ทำให้เราหยุดมองและเงี่ยหูฟังความเงียบที่มันส่งเสียงอยู่ในใจ มันไม่ได้สว่างชัด แต่มันซื่อสัตย์ ไม่ใช่แสงที่ควบคุมได้ แต่เป็นแสงที่ ซื่อตรงต่อสภาพของมันเอง

หากใครสนใจอยากเข้าชมนิทรรศการเดี่ยวของพี่ต้อย สามารถเข้าไปรับชมได้ที่ VS gallery จัดแสดงตั้งแต่วันนี้-17 สิงหาคม 2568

Credits

Authors

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ