“โฮมสเตย์ของเราอยู่ในตัวเมืองชั้นใน ลูกค้าบางคนก็มาพักเพราะเดินทางสะดวก แต่บางคนเขาก็มาพักเพราะอยากมาเจอลุงกับป้า บางครั้งห้องเราเต็ม เขาก็แวะเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย”
“ป้าอยากให้ลูกค้าที่มาพักรู้สึกเหมือนมีบ้านหลังที่ 2 อยู่ที่เชียงใหม่ มาพักแล้วเขามีความสุขกลับไป”
มนุษย์ต่างวัย คุยกับ ‘ลุงชาติ’ ดร.วันชาติ นภาศรี วัย 68 ปี และ ‘ป้าหน่อย’ นทีทิพย์ นภาศรี วัย 65 ปี เจ้าของ ‘เดอะป๊าม๊าบูทิค โฮมสเตย์’ ที่พักสุดอบอุ่นในตัวเมืองเชียงใหม่ที่ต้อนรับลูกค้าเหมือนลูกหลาน และให้ความรู้สึกเหมือนกลับบ้านมากกว่าไปพักโฮมสเตย์
จุดเริ่มต้นของเดอะป๊าม๊าเกิดขึ้นในวันที่ป้าหน่อยมีความจำเป็นต้องหยุดทำงานโรงแรมที่ตัวเองรักเพราะโควิด-19 ประกอบกับเป็นจังหวะที่ชีวิตของลุงชาติก็กำลังเดินทางเข้าสู่เส้นเกษียณ ลุงกับป้าเลยเริ่มคุยกันว่าน่าจะหาอะไรสักอย่างทำเพื่อเป็นรายได้ดูแลชีวิตหลังจากนี้ ด้วยประสบการณ์การทำงานโรงแรมกว่า 30 ปีของป้าหน่อย และประสบการณ์งานสอนด้านการจัดการและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของลุงชาติ ทั้งคู่จึงจัดสินใจว่าการเริ่มต้นธุรกิจโฮมสเตย์น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
โฮมสเตย์ = สเตย์@โฮม
‘เดอะป๊าม๊าบูทิค โฮมสเตย์’ เป็นที่พักที่มีทำเลอยู่แถวตัวเมืองชั้นใน ใกล้จุดสำคัญของเชียงใหม่หลายจุด ทั้งกงสุลอเมริกา ประตูท่าแพ และตลาดวโรรส ฯลฯ ทำให้เดินทางค่อนข้างสะดวก คอนเซปต์สำคัญของที่นี่คือโฮมสเตย์ที่อยากให้ลูกค้ามาเห็นห้องแล้วต้องร้องว้าวเพราะการตกแต่งที่ดูน่ารักและแพงกว่าภาพที่คิดไว้ แต่พอทำไปทำมาจุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าประทับใจกลับเป็นการดูแลลูกค้าของลุงชาติกับป้าหน่อย ที่อบอุ่น น่ารัก และจริงใจ และดูไม่เหมือนเจ้าของที่พักดูแลลูกค้า แต่เหมือนลุงป้าดูแลลูกหลาน
สิ่งนี้กลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนที่เห็นรีวิวจากโซเชียลมีเดียอดไม่ได้ที่จะเซฟที่นี่เก็บไว้ในลิสต์ เพราะตั้งใจว่าอยากจะไปเจอลุงกับป้าให้ได้สักครั้ง
“ช่วงแรกที่เริ่มทำโฮมสเตย์ ป้ากังวลมาก กลัวว่าจะไม่มีลูกค้า แต่ป้ากับลุงก็คิดว่าหลังโควิด-19 วิถีชีวิตคนจะเปลี่ยนไป อยากเลี่ยงความวุ่นวาย แล้วไปพักผ่อนหรือไปอยู่ในที่ที่มีคนไม่เยอะมาก การมาพักโฮมสเตย์จึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่พอพูดถึงโฮมสเตย์ ลูกค้าก็อาจจะกังวลว่าห้องพักจะสะอาดไหม ต้องใช้ห้องน้ำรวมหรือเปล่า เราเลยตั้งใจแต่งโฮมสเตย์ของเราให้ออกมาเหมือนโรงแรม 4-5 ดาว เวลาลูกค้ามาพักจะได้รู้สึกว่าเขาจองเข้ามาพักโฮมสเตย์ธรรมดา แต่ได้คุณภาพเกินกว่าที่คาดหวัง
“เราตกแต่งห้องให้ดีที่สุด สะอาดที่สุด ที่อื่นอาจจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนทุกวันอยู่แล้ว แต่ที่นี่เราเปลี่ยนแม้กระทั่งผ้าคลุมตู้เย็น ปลอกหมอนอิง หรืออะไรก็ตามที่ลูกค้าจับ เราถอดซักและเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด” ป้าหน่อยเล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการทำโฮมสเตย์
ลุงชาติเล่าต่อว่า “ลูกค้าบางคนตอนแรกเขาจองห้องมาคืนเดียวนะ แต่พอพักแล้วชอบ เขาก็เปลี่ยนใจจองต่อเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็มาพักอยู่เป็นเดือน เราพยายามไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัด เราไม่กำหนดเวลาเข้า-ออกที่พัก ลูกค้าจะออกไปเที่ยวแล้วกลับเข้ามาดึกแค่ไหนได้ เพราะเราไม่ได้ล็อกประตู แต่ลูกค้าบางคนก็น่ารัก จะกลับดึกเขาก็โทรมาบอกก่อน เหมือนลูกโทรมาขออนุญาตพ่อแม่”
“บางคนเมาแล้วกลับไม่ไหว เขาก็โทรมาบอกให้ไปรับนะ” ป้าหน่อยเล่าเสริมถึงความสนิทสนมและไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้ลุงกับป้าเหมือนเวลาลูกหลานมีให้กับญาติผู้ใหญ่
ที่พักเชียงใหม่ขวัญใจชาวติ๊กต็อก
“จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนรู้จักเยอะขึ้นมาก ๆ คือ มีน้องคนหนึ่งชื่อ ‘ข้าววิ’ เขามาพักกับเราแล้วถ่ายคลิปรีวิวไปลงติ๊กต็อก ปรากฏว่าลงไปไม่กี่ชั่วโมงมีคนเข้าไปดูเป็นหมื่น ป้ากับลุงตื่นเต้นกันมาก คืนนั้นลุงนั่งตอบไลน์ที่มีคนทักเข้ามาถามเรื่องห้องพักตั้งแต่ประมาณ 5 ทุ่มกว่าจนถึงตี 2 แล้ววันต่อมาก็มีคนจองเข้ามาพักจากการดูรีวิวนั้นเลย
“เราเคยถามลูกค้าหลาย ๆ คนว่าเขารู้จักเราได้อย่างไร บางคนก็บอกว่ามีคนแนะนำมา หรือบางคนก็บอกว่าเขาเห็นในติ๊กต็อกแล้วเซฟรีวิวเก็บไว้ล่วงหน้าเป็นปี ลูกค้าบางคนมาพักกับเราก็ซื้อของมาฝาก บางคนเห็นเราจากรีวิวก็ตั้งใจขับรถแวะเอาของมาให้เลย ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่เคยมาพักกับเราด้วยซ้ำ
“ลูกค้าของเรามีหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มครอบครัว บางคนก็เดินทางมาทำงาน ลูกค้าหลายคนเป็นลูกค้าประจำของเรา บางคนมาพักแล้ว 4-5 รอบ บางคนก็มาทุกปี ถ้าเป็นลูกค้าต่างชาติเวลาจะไปพักที่ไหน เขาจะนึกถึงความปลอดภัยและความสะดวกเป็นหลัก ยิ่งห้องพักเราสะอาด เขายิ่งชอบ บางคนชอบมาก พอจะเช็กเอาท์ออก เขาก็จองห้องพักไว้ล่วงหน้าเลย”
ห้องที่ราคาเท่ากันทุกวันไม่เว้นวันหยุด
“เราเปิดที่นี่มาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 ตอนนี้เรามีห้องพัก 6 ห้องกับบ้านพักอีก 1 หลัง ลุงกับป้าดูแลกันเอง มีแม่บ้านช่วยทำความสะอาดอยู่ 1 คน ทุกวันนี้ก็จะเข้าปีที่ 5 แล้ว ของที่เราให้ลูกค้าใช้ ถ้าอันไหนเริ่มดูไม่ดี เราจะเปลี่ยนเลย จะไม่รอจนมันเก่า มันพัง แล้วค่อยเปลี่ยน
“ปีแรกเราตั้งราคาห้องพักไว้ที่ห้องละ 500 บาท จนถึงตอนนี้เราปรับราคาขึ้นมาอยู่ที่ห้องละ 700 บาท แต่ถ้าลูกค้าคนไหนที่เคยมาพักกับเราตอนห้องราคา 500 บาท ถ้าเขากลับมาพักกับเราอีกรอบ เราก็เก็บเขาราคาเดิมนะ เพราะถือว่าเขาสนับสนุนเรามาตั้งแต่วันที่เราเพิ่งเริ่มต้น และยังไม่มีอะไร
“ห้องพักที่นี่ราคาเท่ากันทุกวันตลอดทั้งปี ไม่มีปรับขึ้นตามช่วงเทศกาลหรือไฮซีซั่น เพราะไม่ว่าจะเป็นฤดูหนาว ปีใหม่ สงกรานต์ หรือลอยกระทง มันก็เป็นเทศกาลของส่วนรวม ไม่ได้เป็นของเรา ถ้าจะให้เราไปหาประโยชน์ ไปคิดราคาให้แพงขึ้น เพราะถือเป็นโอกาส เราไม่ทำ”
ที่พักที่อยากให้ทุกคนกลับไปพร้อมความสุข
“เหตุผลที่เราทำที่นี่นอกจากอยากให้ลูกค้ามาพัก เราก็ยังอยากให้ที่นี่เป็นที่พักสำหรับต้อนรับญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงของเรา เวลาที่พวกเขาเดินทางมาเชียงใหม่ด้วย การทำเดอะป๊าม๊าถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกมาก ๆ มันทำให้เราได้เจอคนหลากหลายวัย หลายอาชีพ ทำให้เราได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับหลาย ๆ คน การเปิดโฮมสเตย์เปลี่ยนชีวิตลุงไปเยอะมาก เราไม่เคยทำงานบริการแบบนี้ มันต้องปรับตัว ต้องสร้าง Service Mind ให้กับตัวเอง คำว่า ‘ไม่ได้’ ‘ไม่ใช่’ ต้องไม่มี เราคิดแค่ว่าถ้าลูกค้าต้องการ เราจะช่วยเขาได้อย่างไร
“ตอนแรกลุงไม่ได้คิดเลยนะว่าจะมาทำโฮมสเตย์แบบนี้ คิดว่าเกษียณไปแล้วคงยังพอมีงานวิจัย งานบริการวิชาการให้ทำ และคงจะไปดูแลสวนจริงจังมากขึ้น แต่พอมาทำโฮมสเตย์ ที่นี่มันก็กลายเป็นรายได้หลักและเป็นเหมือนบำนาญที่ดูแลเรา ถ้าไม่ได้ทำโฮมสเตย์ คิดว่าตอนนี้เราสองคนอาจจะยังนั่งเหงากันอยู่”
“ตอนเริ่มทำโฮมสเตย์ เราคิดกันแค่ว่าถ้าลูกค้าเห็นห้องที่เราแต่งไว้แล้วรู้สึกว้าว รู้สึกชอบ รู้สึกประทับใจ เราก็คงมีความสุขแล้ว แต่ทุกวันนี้มีคนรู้จักเราเยอะมาก ซึ่งมันก็ทำให้เราตื่นเต้นที่ได้รับการตอบรับมากขนาดนี้ ป้าดีใจที่ลูกค้ามาอยู่ที่นี่แล้วมีความสุข และป้าก็คงจะมีความสุขมาก ๆ ถ้าเดอะป๊าม๊าเป็นที่ที่ลูกค้าคิดถึงทุกครั้งเวลาที่เขามาเชียงใหม่”
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ The PaMa Homestay Chiang Mai เดอะป๊าม๊าโฮมสเตย์

























