ไม่ใช่เพียงแค่ความต่างทางช่วงวัยเท่านั้นที่เป็นเหมือนกำแพงที่ขวางกั้นจิตใจของของผู้คนไว้ไม่ให้เชื่อมถึงกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นเพศ เชื้อชาติ ศาสนา หรือบทบาททางสังคม ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้คนเราเข้าไม่ถึงหัวใจและความรู้สึกที่แท้จริงของกันและกัน ทั้ง ๆ ที่สุดท้ายเราทุกคนก็ต่างต้องการการถูกมองเห็น ยอมรับ และความเคารพในความเป็นตัวเอง ไม่ว่าเราเลือกที่จะเป็นใคร หรือคิดเห็นอย่างไร ตราบเท่าที่ความคิด ความต้องการเหล่านั้นไม่ได้เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมนุษย์ต่างวัย จัดเวิร์กช็อป “เรา ‘ต่าง’ เหมือนกัน” ครั้งที่ 9 กิจกรรมที่เปิดพื้นที่ให้กับทุกความต่าง ทั้งต่างเจเนอเรชัน ต่างเพศ ต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างที่มา ต่างความคิดและความรู้สึก เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ลองเปิดใจสำรวจ ‘ตัวเอง’ และคน ‘ต่างวัย’ ให้ลึกลงไปกว่าที่ตามองเห็น
โดยเวิร์กช็อปครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้งานประชุมวิชาการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน : ประชากรกลุ่มเฉพาะ ครั้งที่ 3 (3rd Voice of the voiceless : the vulnerable populations) ภายใต้แนวคิด “รวมพลังหุ้นส่วนสุขภาวะ ก้าวไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ณ อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี
กิจกรรมนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 70 คน ตั้งแต่น้อง ๆ เจนฯ อัลฟ่า ไปจนถึงคุณน้า-คุณอาเจนฯ เบบี้บูมเมอร์ แต่ทุกคนต่างเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วยความตั้งใจมาเรียนรู้ประสบการณ์และทำความเข้าใจคนต่างวัย เพื่อทำให้การอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีคนหลากหลายนั้นราบรื่นและเข้าใจกันมากขึ้น
สำหรับใครที่สนใจกิจกรรมนี้ และอยากมาลองร่วมสำรวจและเปิดพื้นที่ใจไปกับเรา สามารถติดตามข้อมูลได้ทางเพจมนุษย์ต่างวัย นอกจากนี้ เรายังมีอีกกิจกรรมสนุก ๆ และสร้างสรรค์อีกมากมายไว้ให้ทุกคนได้มาเรียนรู้ร่วมกันด้วย
“เราทำงานให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมาย ต้องทำงานกับคนหลายวัย หลายกลุ่ม แต่บางครั้งเราก็แค่ทำไปตามหน้าที่ ไม่ได้รู้ภูมิหลังหรือเบื้องลึกของเขาว่าสิ่งที่เขาบอกกับเรานั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ หรือไม่ เราก็เลยอยากมาเข้าเวิร์กช็อปนี้ เพื่อเรียนรู้ความแตกต่างหลากหลายของผู้คน และทำความเข้าใจว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ภายใต้การสื่อสารทั้งด้วยคำพูดและภาษากายของเขา
“เราชอบกิจกรรมช่วง Hear the Iceberg หรือการเปิดใจรับฟังกัน เรารู้สึกว่าเรากับเขาจูนกันได้จริง ๆ จากสิ่งที่เขาเจออยู่ในตอนนี้ หรือปัญหาที่เขาเล่าให้เราฟัง มันทำให้เรารู้ว่าชีวิตเขามีเรื่องอะไรเยอะมาก จนกระทั่งถึงตอนสุดท้ายที่ให้สื่อสารกันโดยไม่ต้องใช้คำพูด หลังจากที่เราคุยกันมาแล้ว พอได้มาสื่อสารแบบนี้ มันทำให้เรารู้สึกว่าเราเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการสื่อสารได้โดยที่เขาไม่ได้พูดออกมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน เพราะปกติแค่เรามองหน้ากัน เราจะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ และเขาก็เข้าใจสิ่งที่เราคิดเหมือนกันด้วย
“สิ่งที่คิดว่าจะนำไปใช้ต่อก็คือเรื่องของการสื่อสาร วิธีคิด วิธีพูดกับคน เราจะไม่ตัดสินใครจากรูปร่าง หน้าตา หรือข้อมูลที่เขาให้เราอีกแล้ว แต่เราจะสื่อสารให้มากขึ้น ถามจุดประสงค์จริง ๆ ของเขา และหาสิ่งที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งของเขาให้เจอ”
“ผมรู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้มันเครียดมากพอแล้ว พอดูเนื้อหาเวิร์กช็อปก็รู้สึกว่ามันน่าจะฮีลใจได้
ตอนนี้ผมทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ดูแลคนไร้บ้านที่ป่วย ผมรู้สึกว่าปีนี้เป็นปีที่เหนื่อย ๆ
“การเจอคนใหม่ ๆ ไม่ว่าเราจะเจอคนดีหรือคนไม่ดีก็ตาม เขาก็เหมือนเป็นครูของเรา แล้วเวลามาเจอคนใหม่ ๆ หลายเจนฯ รวมกัน มันได้อะไรกลับไปเยอะ
“ผมรู้สึกว่าวัยไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงานหรือใช้ชีวิตร่วมกันของผู้คน คนเจนฯ เดียวกันก็มีความแตกต่างกัน มันอยู่ที่ว่าเขาโตมาอย่างไร เจอคนแบบไหน หรือมีทัศนคติอย่างไร แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคจริง ๆ อาจเป็นการไม่สื่อสารและไม่ฟังกันมากกว่า
“การเข้าร่วมเวิร์กช็อปวันนี้มันทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับคนรอบตัวดีขึ้น มันทำให้เราเห็นว่ามนุษย์มีความหลากหลายมาก ๆ และนอกจากเราจะได้เรียนรู้จากคนอื่น เรายังได้กลับมาทบทวนตัวเองด้วย
งานผมเป็นงานที่ต้องเจอคนเยอะมาก ทั้งเจ้าหน้าที่ คนไร้บ้าน บางครั้งก็ต้องเจอกับอุปสรรคหรือข้อขัดแย้งบางอย่าง ต่อไปถ้าเรากลับไปทำงาน เราก็คงจะใจกว้างขึ้น เราคงเลือกที่จะหันด้านหน้าต่างแทนด้านกำแพงเข้าหาเขา”
“เราอายุเยอะแล้ว ประสบการณ์บางอย่าง หรือสิ่งที่เราได้ผ่านพ้นมาก็อาจเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตให้กับน้อง ๆ ได้
“เรื่องวัยไม่ได้เป็นอุปสรรคในการอยู่ร่วมกันของผู้คน มันอยู่ที่ใจของแต่ละคนมากกว่า ไม่เกี่ยวกับวัย และไม่เกี่ยวกับความพิการ เพราะพี่เองก็เป็นนักกีฬาเทเบิลเทนนิสอยู่ ซึ่งทุกวันนี้มีกีฬาหลากหลายที่คนปกติและคนพิการสามารถเล่นร่วมกันได้
“สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเวิร์กช็อปและคิดว่าจะนำไปใช้ต่อคงเป็นเรื่องของการฟัง เราจะฟังความคิดเห็นของคนอื่นให้มากขึ้น และไม่เอาความคิดของตัวเองเป็นหลัก”
“เราทำงานเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชน ต้องทำงานกับผู้พิการและผู้สูงอายุ ก็เลยอยากมาเข้าเวิร์กช็อปนี้ เพราะอยากทำความเข้าใจผู้สูงอายุให้มากขึ้น เพราะหลายครั้งด้วยความที่เขาอายุมากกว่าเรา เขาก็จะมีความคิด ความเชื่อของตัวเอง และไม่ค่อยอยากฟังเราเท่าไร”
“สำหรับกิจกรรมที่ชอบที่สุดในเวิร์กช็อป คือ กิจกรรมต่างเจนเดาใจ ที่ให้เราได้ทายความชอบของคนวัยต่าง ๆ เพราะมันทำให้เราเห็นว่าเราเดาความชอบของคนอื่นด้วยการดูเขาจากภายนอก แล้วก็มานึกถึงตัวเอง และก็คิดว่าเขาน่าจะคิดเหมือนกันกับเรา
“วันนี้เราได้เรียนรู้เรื่องการฟังจากการได้ฟังเพื่อนเล่าเรื่อง กลับไปเราก็คงจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเวิร์กช็อปไปปรับใช้ทั้งในบ้านและในการทำงาน ด้วยการส่งต่อความรู้ที่เราได้ และไปคุยกับเขา ฟังเขา รวมทั้งทำความเข้าใจความคิดและความรู้สึกของเขาให้มากขึ้นด้วย”