หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มีทักษะ หรือความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และอยากต่อยอดพัฒนาทักษะเหล่านั้นให้สามารถสร้างประโยชน์ และช่วยแก้ปัญหาให้กับองค์กร หรือผู้คนมากมายได้อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ “งานที่ปรึกษา” อาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ
กิจกรรมชีวิต ซีซัน 2 วิชา “อัปสกิลขั้นสุดสู่การเป็นที่ปรึกษามืออาชีพ” รุ่น 2 จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มนุษย์ต่างวัย SCB Academy ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และสำนักเคเอกซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
โดยมี ดร.สุกฤตา ปรีชาว่อง Co-founder and learning innovator บริษัท สกิลเชป จำกัด และ ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กรเชิงบวก ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายความรู้เบื้องต้นที่จำเป็นในงานที่ปรึกษา รวมทั้งเสริมทักษะทางด้าน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาให้ดียิ่งขึ้น
“หลายองค์กรมักจะมองว่าคนที่อยู่ในวัย 50+ เป็นคนที่รอเกษียณ แต่จริง ๆ แล้วคนรุ่นนี้เป็นคนที่มีคุณค่าอย่างมาก ด้วยประสบการณ์ความรู้ที่เขามี สามารถนำมาถ่ายทอดให้กับคนรุ่นใหม่ได้ เป็นองค์ความรู้ภายในที่เรียกว่า Tacit Knowledge ถ้าเราสามารถดึงความรู้เหล่านั้นขึ้นมาได้ มันจะเป็นประโยชน์กับคนรุ่นต่อ ๆ ไป”
ดร.สุกฤตา ได้เน้นย้ำถึงคุณสมบัติสำคัญสำหรับคนที่ต้องการทำงานที่ปรึกษาไว้ว่า
“งานที่ปรึกษาเป็นงานที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความรู้ในสายอาชีพที่ตัวเองถนัด สิ่งนี้เป็นคุณสมบัติอย่างแรกเลยที่คนจะทำงานที่ปรึกษาต้องมี ข้อต่อมาคือต้องมีทักษะการสื่อสารที่ดี เพราะส่วนใหญ่งานที่ปรึกษาก็คืองานที่ทำหน้าที่กึ่ง ๆ เป็นตัวกลางในองค์กรระหว่างเจ้าของกิจการ พนักงาน หรือระหว่างกระบวนการทำงานในองค์กรนั้น ๆ
“ข้อสามคือความมุ่งมั่นตั้งใจในการช่วยแก้ไขปัญหา คนที่จะเป็นที่ปรึกษาที่ดีนั้นจะต้องมีทักษะในการคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ที่สำคัญคือจะต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม ให้ความสำคัญกับการเป็นมืออาชีพในการดูแลลูกค้า และให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา เพื่อช่วยเหลือให้ธุรกิจของลูกค้าประสบความสำเร็จ”
“ที่ปรึกษาในวัยนี้เป็นวัยที่มีทั้งประสบการณ์และคอนเน็กชัน พอเขาได้เรียนรู้เรื่อง Generative AI เขาจะเริ่มเห็นโอกาสว่าเขาเคยมีลูกค้ากลุ่มนี้ เคยบริการแบบนี้ แต่พอมี AI เข้ามาช่วยเขาสามารถทำอะไรได้อีกเยอะ ถึงแม้ว่าหลายคนจะเคยใช้ AI มาแล้ว แต่ก็ยังใช้ได้ภายใต้ขีดจำกัด เพราะฉะนั้นการมาเรียนรู้วันนี้จะทำให้เขาเห็นความเข้มข้นของการใช้งาน AI และนำไปประยุกต์ใช้กับงานของตัวเองได้อย่างจริงจังมากขึ้น
“จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมพบว่าคนเจนฯ X คือ คนที่ใช้งาน AI ได้ดีมาก เพราะเขามีต่อมเอ๊ะ ที่สงสัยว่ามันใช่หรือเปล่า ใช้งานได้ดีหรือเปล่า ที่ผมพัฒนาตัวเองจนกลายเป็น AI Trainer ได้ มันก็มาจากต่อมเอ๊ะของวัยนี้นี่แหละ เพราะฉะนั้นยิ่งอายุมาก ประสบการณ์เข้มข้น มันก็ยิ่งทำให้เราขยายขอบเขตงานไปได้เยอะ
“ตัวผมเองก็อายุ 50+ ตอนแรกก็หวั่น ๆ ว่าเราจะเรียนสู้เด็กไม่ได้ ช่วงแรก ๆ ผมก็เรียนจาก YouTube จาก TikTok ไปก่อน พอใช้งานจริงจังมากขึ้น มันก็เริ่มปรับตัวได้เอง อยากให้ทุกคนลองทำดู มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
“ถ้าเราจะใช้งาน AI ให้ได้ศักยภาพถึงขีดสุด อย่างแรกต้องพยายามเล่าให้ละเอียดว่าเราต้องการอะไร ปัญหาคืออะไร เป้าหมายคืออะไร มีข้อจำกัดอะไรบ้าง แล้วป้อนคำสั่งให้ชัดเจน ที่สำคัญคืออย่าเชื่อผลในครั้งแรก แต่ให้ขยายขอบเขตความเป็นไปได้ของคำตอบให้มากขึ้น และต้องกลับมาเช็กทุกครั้งว่าข้อมูลที่เราได้รับนั้นถูกต้องหรือไม่”
“เดิมทีเราเป็นทนายความมาก่อน ให้คำปรึกษากฎหมายกับบุคคลและองค์กรมาอย่างยาวนาน เราให้คำปรึกษาโดยที่เราไม่รู้ทฤษฎีอะไรเลย พอมีการอบรมที่ปรึกษามืออาชีพของมนุษย์ต่างวัยก็เลยสนใจ และอยากรู้ว่าเขาสอนอะไรบ้าง และอยากรู้ว่าประสบการณ์การทำงานของเรายังสามารถที่จะนำมาใช้ได้อยู่หรือไม่
พอมาเรียนก็ได้รู้ว่าการเป็นที่ปรึกษามันมีระบบของทฤษฎีต่าง ๆ วางไว้อยู่แล้ว ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญ และสามารถนำไปต่อยอดกับการทำงานที่เราเคยทำมาได้
ถ้าเราไม่ได้มาต่อยอด ก็คงจะรู้สึกว่าตัวเองโบราณไปหรือเปล่า เพราะสังคมมันพัฒนาไปข้างหน้าตลอด แต่การที่เราอยู่กับที่ เราจะไม่รู้ว่าความเจริญ ความทันสมัยของสังคมมันเป็นอย่างไร ดังนั้น ถ้าเราไม่คอยหาความรู้เพิ่ม เราก็คงจะไม่พัฒนาสักที
“กฎหมายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว การที่เรามาเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่อง AI วันนี้ ก็จะทำให้เราสามารถให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายควบคู่ไปกับการใช้ AI ได้ด้วย แต่เราต้องใช้ให้เป็น อย่าให้มันนำชีวิตเรา เราจะต้องนำ AI ได้ บางเรื่องที่เราต้องการไกด์ไลน์ เราอาจจะใช้ AI เป็นที่ปรึกษาให้กับเราได้ แต่เราจะต้องป้อนคำสั่งที่ถูกต้องให้กับเขา แต่ในขณะเดียวกันเราจะต้องนำคำตอบที่ได้มาปรึกษากับคนที่เชี่ยวชาญทางด้านนั้น ๆ ด้วย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความแม่นยำยิ่งขึ้น
“หลายคนที่เกษียณไปแล้วเหมือนเจอทางตัน ไม่รู้ว่าจะไปต่อยอดหรือเรียนรู้ที่ไหนได้บ้าง ต้องขอบคุณมนุษย์ต่างวัยที่มองว่าผู้ใหญ่ก็สามารถที่จะเรียนรู้ และนำเอาประสบการณ์ชีวิตของตัวเองมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมได้”
“ก่อนหน้านี้เคยเข้าโครงการอบรมที่ปรึกษาของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พออบรมเสร็จแล้วเราไม่ได้ใช้ เหมือนมีความรู้แล้วถูกเก็บไว้ พอมีโครงการนี้ก็มองว่ามันเป็นโอกาสที่เราจะมาอัปสกิลตัวเองในส่วนขององค์ความรู้ที่มีอยู่ ซึ่งมันถูกซ่อนไว้ แต่วันนี้เราจะรีสกิลมันขึ้นมาอีกครั้ง
“โครงการนี้เป็นการเปิดโอกาสให้คนที่อายุเยอะแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะถูกมองข้ามเพราะคิดว่าเกษียณแล้ว ไม่ต้องทำอะไรแล้ว แค่อยู่บ้านเฉย ๆ ก็พอ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ ปัจจุบันทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว อายุเป็นเพียงตัวเลข แต่อายุใจสำคัญที่สุด
“เราทำงานทางด้านบัญชี มีความรู้ทางด้านตรวจสอบภายในและการบริหารความเสี่ยง เราสามารถนำความรู้ตรงนี้ไปช่วยทำให้องค์กรมีความเสี่ยงลดลง สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
“จริง ๆ ตอนนี้เราทำงานจิตอาสาอยู่ในองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรม คิดว่าอย่างน้อยเราก็ยังสามารถช่วยเหลือประเทศได้ ช่วยประหยัดงบประมาณ และลดการคอร์รัปชัน ทุจริตได้บ้าง ไม่มากก็น้อย”
“เราสนใจมาเรียนคอร์สที่ปรึกษามืออาชีพ เพราะจริง ๆ เราเองก็ทำงานที่ปรึกษาอยู่แล้วแต่เป็นการให้คำปรึกษากับบุคคล แต่เวิร์กช็อปนี้เป็นการเรียนเกี่ยวกับการเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์กรหรือบริษัท ก็เลยคิดว่าเราสามารถนำไปต่อยอดในการทำงานได้ เพราะว่าเจ้าของกิจการซึ่งเป็น SMEs ก็คือบุคคลเหมือนกัน
“การเกษียณอายุเป็นอีกหนึ่งทางของการทำงาน ช่วงก่อนเกษียณเป็นช่วงที่เราทำงานเต็มเวลา เราจะทำงานตาม KPI แต่หลังเกษียณ เรามีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง เพื่อสังคม เราสามารถที่จะใช้ความรู้ที่เราทำมาตลอด 20-30 ปีของการทำงานมาต่อยอดให้สังคมได้ ถึงแม้เกษียณแล้วก็ไม่ควรหยุดอยู่เฉย ๆ
“เราเคยทำงานธนาคาร เคยดูแลลูกค้า ดูแลผลิตภัณฑ์ เคยสอนการวางแผนการเงินด้วย ก็คิดว่าเราสามารถนำความรู้ตรงนี้ไปต่อยอดได้ ด้วยการแนะนำเจ้าของกิจการให้เขาสามารถวางแผนชีวิตและวางแผนกิจการของเขาได้”
“เรามาร่วมกิจกรรมนี้เพราะอยากรู้วิธีการทำงาน และเครื่องไม้เครื่องมือที่ที่ปรึกษามืออาชีพเขาใช้ เพื่อนำมาปรับใช้กับงานในปัจจุบันของเรา หรือสิ่งที่จะทำหลังเกษียณ
“แม้หลาย ๆ เรื่องจะเป็นความรู้ที่เรารู้อยู่แล้ว แต่การมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ทำให้เราเห็นการผสมผสานเครื่องมือต่าง ๆ เข้ากับกระบวนการทำงานที่ปรึกษาได้ชัดขึ้น ส่วนในพาร์ตของ AI ก็ทำให้เราว้าวกับเทคนิคการเขียน ถ้าไม่มาเรียนวันนี้ เราก็คงยังเขียน Prompt แบบทั่ว ๆ ไปอยู่ แต่การชาเลนจ์ไปทีละ 10 แบบที่วิทยากรสอน มันทำให้เราว้าวมาก
“จริง ๆ ตอนนี้เราทำงานที่ปรึกษาภายในอยู่แล้ว แต่มันอาจจะต่างตรงที่ที่ปรึกษาจะเป็นคนที่ชี้แนะแนวทาง แต่เราจะเข้าไปจับมือทำ แล้วก็ช่วยผลักดันให้เขาเปลี่ยนแปลงไปเลย
“วันนี้เราได้เห็นทั้งเรื่องของ Learning Design ได้เทคนิค และได้เรียนรู้วิธีการผสมผสานเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในงานที่ปรึกษา ซึ่งเราอาจจะผ่านมาบ้าง แต่การมาวันนี้ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น เวลาเรียนเราก็จะพยายามนึกถึงหน้างานไปด้วย มันก็เลยทำให้เราตกผลึกได้ว่าเราควรจะไปซ่อม ปะ ผุ ในหน้างานตรงส่วนไหน หรือจังหวะไหนควรเสริมด้วยเครื่องมืออะไร”
“ตอนนี้เราทำงาน HR และที่บ้านก็มีธุรกิจส่วนตัวด้วย บางครั้งก็มีที่ปรึกษามาให้คำปรึกษาเหมือนกัน อาชีพที่ปรึกษาก็น่าสนใจ แล้วเราก็กำลังมองหาว่ามันยังมีอาชีพอะไรที่เราจะสามารถเอาความรู้ที่เรามีอยู่มาไปใช้ต่อยอดได้
“องค์กรทุกที่ต้องมี HR แล้วส่วนมากปัญหาที่เจอก็คือเรื่องคน ก็เลยคิดว่าประสบการณ์ที่เราพอมีเกี่ยวกับเรื่องการบริหารคน น่าจะทำให้เราเข้าใจกลุ่มลูกค้าได้ดี เพราะว่าปัญหาที่เขาเจอก็คือปัญหาที่เราเคยเจอเหมือนกัน
“ถ้าจะทำงานที่ปรึกษาก็คงจะเริ่มจากสิ่งที่เราถนัด เริ่มจากงาน HR ตอนนี้เราอายุ 52 แล้วเหลือเวลาทำงานอีก 8 ปี ตอนนี้ก็เป็นช่วงที่เราต้องวางแผนเรื่องการเงิน ถ้าเราจะเกษียณก็ต้องไม่เป็นภาระให้คนที่บ้าน
“สิ่งที่มีประโยชน์มาก ๆ คือตอนแนะนำตัว ทำให้เรารู้ว่ามันมีบางตำแหน่ง บางองค์กรที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน และเราก็ชอบการทำคอมมูนิตี้ มีแพลตฟอร์มกลางไว้เป็นช่องทางในการสื่อสารกันเพราะหลาย ๆ การอบรม พออบรมไปแล้วจบ แต่การอบรมครั้งนี้มันมีอะไรที่เราไปต่อยอดได้”
“จริง ๆ ตัวเองเป็นคนอินโทรเวิร์ต แต่ด้วยงานที่ทำคืองานขายและการตลาด เราเลยกลายเป็น อินโทรเวิร์ตที่สามารถเข้าหาคนแปลกหน้าได้ไม่ยากนัก ตอนทำแบบทดสอบ DiSC ก็เจอว่าเราเป็นคนค่อนข้างชอบการคิดวิเคราะห์ มีหลักในการบริการ ก็เลยคิดว่านี่เป็นหนึ่งในจุดแข็งที่จะทำให้เราเป็นที่ปรึกษาได้
“ที่ปรึกษาที่ดีควรมีลักษณะเด่น ๆ อย่างแรกคือความรู้ความสามารถ เพราะว่าถ้าเราไม่มีความเชี่ยวชาญ เราก็ไม่สามารถไปแนะนำคนอื่นได้ อย่างที่สองต้องมีมายด์เซ็ตที่ดี มีมายด์เช็ตของการเป็นผู้ให้ ถึงแม้เราจะไปทำงานรับเงิน แต่เราก็ต้องพร้อมที่จะแบ่งปันหลาย ๆ อย่างที่เรามีอยู่ ให้กับกลุ่มเป้าหมายของเราด้วย
“อย่างที่สามคือเรื่องตรรกะทางความคิด ต้องมีเหตุมีผล ไม่ใช้อารมณ์และอคติมาเป็นตัวนำ สุดท้ายน่าจะเป็นเรื่องของจรรยาบรรณ เพราะการเป็นที่ปรึกษาจะได้รู้ข้อมูลหลาย ๆ อย่างของลูกค้า ถ้าเราเอาไปใช้ในทางที่ผิดก็อาจสร้างความเสียหายให้กับลูกค้า และสุดท้ายมันก็จะส่งผลกลับมาสู่ตัวเราด้วย
“ในวันที่เราเกษียณ คุณค่าของเราน่าจะอยู่ที่ความรู้กับประสบการณ์ที่เรามี การที่เราสามารถนำความรู้ตรงนี้ไปแชร์กับคนรุ่นใหม่ ๆ ที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจของชาติ มันน่าจะสร้างคุณค่าที่ทำให้เราใจฟูได้”