“การที่แม่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เราในฐานะลูกไม่ได้ทำหน้าที่แค่ดูแลแม่ แต่ต้องพยายามทำให้แม่แข็งแรงขึ้นด้วย จริงอยู่ว่าอาจกลับมาเป็นปกติไม่ได้ แต่เราจะทำอย่างไรให้ชีวิตในท่ามกลางความไม่สมบูรณ์นี้ เขามีความสุขและมีคุณภาพให้มากที่สุด
“หลังจากที่รู้ว่าแม่เป็น ‘สโตรก’ ชีวิตของเราสองคนแม่ลูกก็เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืน เหมือนซินเดอเรลล่าที่รองเท้าแก้วแตกสลายคาพื้น ในตอนนั้นสโตรกเปลี่ยนแม่จากผู้หญิงเก่งและแกร่งกลายเป็นคนทุพพลภาพ สูญเสียการควบคุม ไม่สามารถเดิน พูด กลืน และกินได้เหมือนปกติ และต้องกลายเป็นคนที่ต้องมีผู้ดูแลตลอดเวลา
“ตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนเราไม่มีเวลาแม้แต่จะร้องไห้ ตอนนั้นเมื่อรู้ว่ายังไงก็เลี่ยงไม่ได้ที่แม่ต้องเป็นสโตรก ต้องพิการแน่ๆ เราบอกกับตัวเองเลยว่าเป็นก็เป็นวะ แต่จะทำยังไงให้ทุกอย่างมันดีที่สุดหลังจากวันนี้ แม่จะต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขที่สุดให้ได้ จากนั้นเราก็มานั่งคิดว่าเราต้องเตรียมอะไรบ้าง
“ทุกอย่างในชีวิตเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เหมือนเลี้ยงเด็กในร่างแม่วัย 74 ทุกอย่างในชีวิตต้องปรับใหม่ทั้งหมดเริ่มตั้งแต่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตด้วยการลาออกจากงานประจำเพื่อมาดูแลแม่เอง รวมถึงลดการเสพติดของกินของใช้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นความสุขในชีวิต ปรับบ้านให้สามารถดูแลแม่ได้สะดวกมากขึ้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพาแม่ออกไปใช้ชีวิตเหมือนที่เราสองคนเคยใช้ในวันที่แม่ยังแข็งแรง แต่เปลี่ยนรูปแบบกันคือในวันนี้การเดินทางต่อจากนี้จะมีเรา แม่ และรถวีลล์แชร์ที่จะพาเราทั้งคู่ออกไปข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง ไปท่องเที่ยว ไปทำบุญ ไปว่ายน้ำออกกำลังกาย
“จากวันนั้นจนวันนี้เราดูแลแม่มาแล้ว 5 ปี และสิ่งที่เป็นความสุขมากที่สุดของชีวิตในการดูแลแม่ก็คือ เราทำให้แม่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่มีความสุขที่สุดคนหนึ่งได้”
มนุษย์ต่างวัย LIVE บุพการีที่เคารพ EP.4 ชวนคุยกับประสบการณ์การดูแเลแม่ในวันที่ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงจากภาวะเส้นเลือดในสมอง กับใบเตย – รพิดา อัชชะกิจ เจ้าของเพจเข็นแม่เที่ยว ที่ใช้ทั้งชีวิตและหัวใจดูแลแม่ติดเตียงให้มีชีวิตไม่เหมือนคนติดเตียงทั่วไปผ่านกิจกรรมบำบัด